TEST Report : Electrocompaniet : ECI 6 DX mkII 

0

แบรนด์เครื่องเสียงบ้านคุณภาพระดับ ไฮ-เอ็นด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำจากประเทศนอร์เวย์ หรือ Nordic (นอร์ดิก) – สินค้าของ ELECTROCOMPANIET นั้นมีฐานการออกแบบ – การผลิต ทำทุกอย่างจนเสร็จสรรพในแถบถิ่นสแกนดิเนเวีย โดยมีจุดขายอยู่ที่ความละเมียดละไมในการใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อทุกผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกมาสู่สายตาของผู้บริโภค มีความใกล้เคียงกับคำว่า สมบูรณ์แบบมากที่สุด 

จุดสตาร์ทของแบรนด์ ELECTROCOMPANIET เริ่มต้นจากความต้องการง่ายๆ ของคนสองคนที่เห็นตรงกัน เรื่องการหวังจะทำแอมปลิฟายเออร์ ในหมวดทรานซิสเตอร์ที่มีเสียงดีกว่าแอมป์ตัวอื่นๆ ในยุคเดียวกัน นั่นคือ Per Abrahamsen และ Svein Erik Børja ซึ่งร่วมกันจัดตั้งบริษัทขึ้นมาในปี 1973 แล้วใช้งานวิจัยเรื่องวงจรของ Dr.Matti Otala จากมหาวิทยาลัย Tampere University of Technology เป็นต้นแบบในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรก ซึ่งเรียกได้ว่า ทั้งคู่ต้องลองผิดลองถูกกันหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดจึงได้เจอสิ่งที่ลงตัวที่สุด …แล้วออกมาเป็น “The 2 Channel Audio Power Amplifier” ซึ่งสามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า “The Otala Amplifier” เพื่อเป็นการอุทิศให้กับชิ้นงานที่เป็นจุดตั้งต้น 

“The 2 Channel Audio Power Amplifier” มีพื้นฐานแนวคิดที่ต้องการออกแบบให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กว่าเดิม มีกำลังขับที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 25 วัตต์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความต้องการในคุณลักษณ์ทางเสียงในแบบที่ทั้ง Per Abrahamsen และ Svein Erik Børja วางบรรทัดฐานไว้ นั่นคือ ทรานซิสเตอร์ที่เป็นหัวใจในการทำงาน ต้องออกแบบให้ไร้ซึ่งความผิดเพี้ยน (TIM-free transistor design) ตามแนวทางของ Dr. Matti Otala เน้นให้ได้มาซึ่งเสียงที่เที่ยงตรง มีความเป็นธรรมชาติ ทว่ามีความดุดันซ่อนอยู่… 

กระทั่งในปี 1976 ทางนิตยสารเครื่องเสียงไฮ-เอ็นด์ชื่อดังอย่าง The Audio Critic ได้เขียนรีวิวเกี่ยวกับเจ้าแอมป์ตัวนี้ แล้วได้ระบุไว้ว่า “Audio freaks – eat your hearts out. This is the world’s best-sounding amplifier.” ที่สื่อความหมายเป็นนัยว่า คุณภาพของสินค้าชิ้นนี้มันเกินเกณฑ์มาตรฐานในยุคนั้นไปไกล ผิดแปลกแหวกแนวกับชาวบ้านเขา… ซึ่งวลีว่า “eat your hearts out.” นั้น เป็นแสลงทางภาษาอังกฤษเชิงเย้ยหยันว่า “ช่างน่าอิจฉาเสียเหลือเกิน ที่คิดค้นเจ้าสุดยอดแอมปลิฟายเออร์ตัวนี้ได้สำเร็จ” …จนส่งผลให้ “The 2 Channel Audio Power Amplifier” ได้รับความนิยมอย่างสูงมาก 

ต่อมาในปี 2004 เกิดเหตุการณ์ ELECTROCOMPANIET ล้มละลาย ทว่าในปี 2007 บริษัทก็ถูกซื้อโดยบริษัท Westcontrol ของนอร์เวย์ การผลิตทั้งหมดถูกย้ายไปที่ Tau ใกล้ Stavanger ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายน 2018, ELECTROCOMPANIET ถูกยื่นฟ้องล้มละลายเป็นครั้งที่สอง แล้วบริษัทก็ถูกซื้อกิจการโดยกลุ่มนักลงทุนที่กลับมาดำเนินกิจการของบริษัท… 

ELECTROCOMPANIET เป็นแบรนด์เครื่องเสียงจากประเทศนอร์เวย์ ที่มีรูปลักษณ์การดีไซน์ที่เน้นไปที่ความเรียบหรู เหมือนจะน้อยแต่ว่ามาก มองอย่างไรก็ไม่ตกยุค เหมือนดั่งผลิตภัณฑ์สายคลาสสิก ปัจจุบัน ELECTROCOMPANIET มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และได้จัดแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก :- EC Living Line (WIRELESS LIFESTYLE AUDIO SERIES) กับ Classic Line (HIGH-END PRODUCTS COLLECTION) แล้วจึงแยกย่อยออกไปสู่ประเภทผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้ง STREAMERS AND SOURCES (REFERENCE CD PLAYER & HIGH END DAC AND MUSIC STREAMER); PREAMPLIFIERS; POWER AMPLIFIERS และ INTEGRATED AMPLIFIERS 

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2022 ที่ผ่านมา ELECTROCOMPANIET ได้ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระดับเรือธงรุ่นล่าสุดในกลุ่ม POWER AMPLIFIERS ด้วยรุ่น AW 800 M ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีของ ELECTROCOMPANIET และครบรอบ 25 ปีนับตั้งแต่ AW600 NEMO ในตำนานได้เปิดเป็นตัวครั้งแรก  

 “AW 800 M” เป็นแอมปลิฟายเออร์ โมโนบล็อก กำลังขับ 800 วัตต์ที่ 8 โอห์ม ซึ่งสามารถทำงานในโหมดสเตอริโอ และโหมดไบแอมป์ได้ด้วยการกดสวิตช์ที่ด้านหลังเครื่อง 

ELECTROCOMPANIET ระบุว่า ประสิทธิภาพเสียงอันน่าทึ่งของ ELECTROCOMPANIET  ได้รับการปรับปรุงอย่างมากในแอมปลิฟายเออร์รุ่นใหม่นี้ “AW 800 M” ทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันก็รักษาปรัชญาการออกแบบและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และ ณ เวลานี้ ELECTROCOMPANIET  เพิ่งประกาศถึงวาระการออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ MONO POWER AMPLIFIER รุ่นใหม่ล่าสุด “AW 300 M” ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเสริมทัพในแนวทางเดียวกับ AW 800 M ด้วยระดับอัตรากำลังขับที่น้อยลง (300 W ที่ 8Ω, 600 W ที่ 4Ω,  1000 W ที่ 2Ω) สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เพาเวอร์แอมป์ กำลังขับสูงมากๆ เกินจำเป็น 

ELECTROCOMPANIET – แบรนด์เครื่องเสียงบ้าน ที่ศิลปินอย่าง Michael Jackson ให้การยอมรับ 

ELECTROCOMPANIET ได้เริ่มขยายตลาดออกไปสู่ผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงกลุ่มอื่นๆ รวมไปถึง เครื่องเล่นซีดี และ เครื่องเล่นแผ่นเสียง จนวันหนึ่งในปี 1991 Bruce Swedien โปรดิวเซอร์ของศิลปินระดับโลกอย่าง Michael Jackson ได้รับการติดต่อจากโปรดิวเซอร์เพลงมือทองของประเทศนอร์เวย์อย่าง Nils Bjarne Kvam บอกเล่าถึง ความดีงามอันประทับใจที่ได้มีต่อเครื่องแอมปลิฟายเออร์ของ ELECTROCOMPANIET และเพื่อการพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ ต่อมาจึงมีการส่งแอมปลิฟายเออร์ ELECTROCOMPANIET ไปให้ Bruce Swedien ทดลองฟังดู (เป็นพัสดุชิ้นใหญ่มาก น้ำหนักเกินปกติ โดยจัดส่งไปถึงสตูดิโอ ลาร์ราบี ในเมืองลอส แองเจลีส แล้วถูกถ่ายภาพเก็บไว้ได้) 

ปรากฏว่า Bruce Swedien มีความประทับใจเป็นอย่างมาก จนเกือบจะรื้ออัลบั้ม Dangerous ของ Michael Jackson ออกมาทำการอัดใหม่หมดตั้งแต่เริ่มต้น …เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่ทุกอย่างมันเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว หากไปตั้งต้นใหม่จะเสียทั้งเวลาและเงินทุนมากเกินไป แต่ทว่าการที่ Bruce Swedien กล้าพูดออกมาจากปาก ว่า “แอมป์ตัวนี้เปลี่ยนชีวิตของผม” คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อย่างแน่นอน …ซึ่งในท้ายที่สุด Bruce Swedien ก็ได้ใช้แอมปลิฟายเออร์ของ ELECTROCOMPANIET ในอัลบั้มลำดับถัดไป โดยใช้งานเป็นครั้งแรกกับศิลปิน Sergio Mendez และต่อมาเมื่อ Bruce Swedien เดินเข้าไปในสตูดิโอบันทึกเสียงกับ Michael Jackson ในเดือนมกราคม 1995 เขาก็เริ่มใช้มันจริงๆ กับสองอัลบั้มถัดมา นั่นคือ History และ Invincible โดยได้รับการมาสเตอริ่งด้วยแอมปลิฟายเออร์ของ ELECTROCOMPANIET  

ซึ่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลง Bruce Swedien ต้องการที่จะขอบคุณเพื่อนๆ ของเขาจากนอร์เวย์ ในการแนะนำให้รู้จักกับสินค้าจากแบรนด์ ELECTROCOMPANIET จึงพยายามจะใส่คำอุทิศลงไปในปกอัลบั้ม และทั้งสองอัลบั้มก็มีข้อความ “Special thanks to Electrocompaniet” พร้อมโลโก้ปรากฏบนหน้าปก ซึ่งตัวบอร์ดบริหารของค่ายเพลงนั้นไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เหมือนมองว่า อยู่ดีๆ ELECTROCOMPANIET ก็ได้รับเครดิตบนพื้นที่ปกแผ่นเสียงสังกัดของเขา โดยไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนใดๆ แต่เรื่องราวมันก็จบลงอย่างง่ายดาย ไม่น่าเชื่อ เมื่อตัวศิลปินอย่าง Michael Jackson ได้เอ่ยปากออกมาว่า “มันควรจะเป็นไปแบบนั้นน่ะถูกแล้ว” …นั่นจึงเป็นการช่วยสนับสนุนเสียงของโปรดิวเซอร์ของตัวเองให้หนักแน่นขึ้นไปอีกระดับ เพราะถ้าไม่มีเครื่องเสียงแบรนด์นี้ พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถทำชิ้นงานออกมาได้เป็นที่น่าพอใจอย่างที่เห็น อีกทั้งยังน่าจะมีความหมายเป็นนัยๆ ได้ว่า  Michael Jackson นั้นก็คงถูกมนต์สะกดของเสียงสไตล์ ELECTROCOMPANIET เล่นงานเข้าอย่างจังแล้วเช่นกัน… 

ECI 6 DX mkII ดาวเด่นตัวดังของ Electrocompaniet 

ELECTROCOMPANIET นั้นได้จัดแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก :- EC Living Line (WIRELESS LIFESTYLE AUDIO SERIES) กับ Classic Line (HIGH-END PRODUCTS COLLECTION) ซึ่ง “ECI 6 DX mkII” ก็นับเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Classic Line ในลักษณะของ Integrated Amp/DAC/Streamer (ไม่มีภาคขยายสัญญาณหัวเข็มในตัว) ที่มีอัตรากำลังขับ 125 วัตต์ต่อข้าง ซึ่งสืบสานพัฒนาการต่อเนื่องมาจากแอนาล็อก อินทิเกรตแอมป์ต้นตำรับ “ECI 1” จนมาถึงเจเนอเรชั่นล่าสุด ณ ปัจจุบัน  

แต่ Electrocompaniet ได้ยกระดับการทำงานของ ECI 6 DX mk II ให้สอดรับกับยุคสมัย โดยผสมผสานคุณสมบัติที่ดีที่สุดในระดับชั้นเดียวกัน เข้ากับเทคโนโลยีเสียงที่ล้ำหน้า และคุณภาพเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งนี้ “ECI 6 DX mk II”  ยูนิตเดียวทก็สามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา จากแหล่งเสียงใดก็ตามที่คุณมี และให้เสียงดนตรีที่เสมือนจริง ทั้งยังสามารถเลือกออฟชั่น ‘EC Platform’ ที่มาพร้อม Streaming DAC บน PCB onboard ในลักษณะของ Module ที่เสียบต่อแบบ Plug in เข้ากับ Slot ด้านหลังเครื่อง  

ซึ่งจะทำให้ “ECI 6 DX mkII” มีสภาพการทำงานเป็น Smart All in One Integrates Amp ครบทุกการทำงานในหนึ่งเดียว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อระบบ มีสายและไร้สาย LAN/WLAN, Bluetooth สามารถเล่นเพลงได้ด้วยตัวเองจากระบบสตรีมมิ่งในทุกรูปแบบ สนองตอบความต้องการของสมาชิกในครอบครัวทุกเพศทุกวัยได้ในหนึ่งเดียว เพียงเพิ่มเงินอีกไม่มากเพียงแค่หลักหมื่นเท่านั้นเอง จะเพิ่มแต่แรกตั้งแต่สั่งซื้อ หรือ จะเพิ่มภายหลังก็ยังได้ 

ทั้งนี้ทั้งนั้นโลกของ HiFi เข้าสู่ยุคของ Network Audio ค่อนข้างจะเต็มตัว บริษัทเครื่องเสียงไฮ-เอนด์เก่าแก่ ชั้นนำอย่าง Electrocompaniet ก็มิได้มองข้ามเทรนด์นี้ไป ด้วยการพัฒนา HiFi PlayBack ที่เป็นระบบเน็ตเวิร์กไร้สายสู่ตลาด โดยแยกเซกเมนต์ของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ออกมา แล้วตั้งชื่อว่า ‘EC Living’ ซึ่ง Electrocompaniet ก็ยังคงรักษา DNA ของความเป็นไฮ-เอนด์จากนอร์เวย์ “EC Living” คือ Streamer/DAC สามารถป้อนเพลงผ่าน AirPlay หรือ DLNA พร้อมการรองรับ Bluetooth ช่วยให้คุณสามารถสตรีมจากมือถือ หรือ แท็บเล็ตไปยัง ECI6 DX mkII ได้ รวมไปถึง Internet Radio… QOBUZ, Tidal, Tidal Connect, SPOTIFY Connect และ ROON ready ที่ควบคุมด้วย app และ ทำงานบน Web Browser ด้วย พร้อมต่อการอัพเกรดผลิตภัณฑ์ให้ยกระดับไปสู่เส้นทางสาย Network Audio หรือ สตรีมมิ่งได้อย่างเต็มตัวและง่ายดาย ขยายขอบเขตการใช้งานได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น  

ทั้งนี้ในภาคของ EC Streaming DAC สำหรับติดตั้งเข้ากับ ECI 6 DX mkII ในลักษณะของ Onboard DAC เป็น Cirrus Logic 4392 DAC Chip พร้อม Texas instruments 4392 sample rate convertors ซึ่งทั้งคู่เป็น Chip Set ที่ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางใน D/A Converter และ A/D Converter ในระดับ Studio โดยทำงานที่ 24 bit/192khz ในทุก Inputs และ รองรับได้ถึง DSD128 การควบคุมใช้งาน ECI 6 DX mkII ผ่านแอป ‘EC PLAY’ สามารถสั่งการได้โดยแอปพลิเคชัน iOS หรือ Android ที่ใช้งานง่าย หรือ ด้วยรีโมทคอนโทรล IR แบบตรงไปตรงมา 

ECI 6 DX mk II ให้อัตรากำลังขับ 2 x 125 W ที่ 8 ohms / 2 x 200 W ที่ 4 ohms / 2 x 370 W ที่ 2 ohms รองรับดิจิทัล อินพุต SPDIF x 2 (24bit/ 192kHz); Toslink x 1 (24bit/ 96kHz); USB (asynchronous  up to 24bit/ 192kHz supported) Streamer section: Advanced 802.11 AC WiFi with MIMO, 1x Gigabit Ethernet (1000Mbps), 1x USB for external storage, iOS, Android and web app / Supported formats: All popular formats including: WAV/WAVE, MP3, AAC+, Vorbis, ALAC, FLAC, APE, WMA, up to 192kHZ/24bit, DSD, up to DSD 128 (5.6 MHz) ภายใต้ขนาดตัวเครื่อง (กว้างxลึกxสูง): 470x430x128 มม. น้ำหนัก 20.5 กก. 

Specification:- 

Input impedance ( Balanced input ): 47Kohm 

Maximum input level: 10 Volt RMS 

Noise floor: (1Vrms, 20 – 20 kHz, balanced) -135 dB 

THD + N: (1Vrms, 20 – 20 kHz, balanced) <0.004% 

Gain (Balanced): 0 dB 

Amplifier section 

Frequency response: 1 – 150 kHz 

Channel separation: > 120 dB 

THD (20 – 20 kHz): < 0.004% 

Maximum peak current: >100A 

Damping factor 8 ohm load: >350 

I Input sensitivity 120W output: 1.3Vrms 

Input sensitivity HT (120W output): 1Vrms 

Gain HT Input: x36 (31 dB) 

คุณภาพการรับฟัง 

เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดการทำงานเครื่อง “ECI 6 DX mkII” จะตั้งค่าเริ่มต้นเป็นอินพุต ‘MEDIA’ โดยอัตโนมัติ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอดิสเพลย์ ดังนั้นจึงค่อนข้างชัดเจนว่า Electrocompaniet คาดคิดว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะสตรีมเพลงมารับฟังเป็นหลัก แทนที่จะต่อสายสัญญาณจากแหล่งสัญญาณแอนาล็อก (Analog Inputs) มารับฟัง อย่าง CD, DVD, AUX และ HT (*ช่องเสียบต่อ CD เป็นแบบ XLR) หรือจากฟากฝั่งดิจิทัล (Digital Inputs) อย่าง TosLink (x2), Coax (x2) และ USB (X1) นอกจากนี้ ยังมีช่องเสียบต่อสัญญาณขาออก ซึ่งก็มีติดตั้งมาให้ทั้งแบบ XLR และ RCA (อย่างละหนึ่งชุด) 

สำหรับการรับฟังรีวิว เราเลือกที่จะใช้ “ECI 6 DX mkII” จับคู่กับ Monitor Audio: Silver 7G 50th Anniversary Limited Edition …ลำโพงตัวเก่งเกินราคาที่เรากล้ายืนยันความไม่ผิดหวังในสมรรถนะและคุณภาพเสียง กระทั่งเราเลือกสรรมาใช้งานเป็นลำโพงประจำการของห้องฟัง What HiFi ? Thailand …ซึ่งทันทีที่รับฟัง พูดได้เต็มปากเลยว่า “ECI 6 DX mkII” + Monitor Audio: Silver 7G 50th Anniversary Limited Edition ทำงานร่วมกันอย่างมีความสอดคล้องต้องกัน – เข้าคู่เข้าขากันได้ดีมากเป็นพิเศษ เสียงที่ได้รับฟังมีความกลมกลืนกัน และกลมกล่อมอย่างน่าฟัง เฉพาะอย่างยิ่งช่วงเสียงกลางและเสียงสูงที่ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ในการที่คุณจะจมกลืนเข้าสู่ความเป็นดนตรีที่กำลังรับฟัง ยิ่งหากเป็นเพลงร้องด้วยแล้ว ยิ่งฟังยิ่งเพลิดเพลินใจ ไหลลื่นในห้วงอารมณ์เพลงกันเลยจริงๆ เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงย่านเสียงเบส ก็ให้ความถี่เสียงต่ำที่ลงไปได้ลึกล้ำอย่างน่าประหลาดใจ และให้ความสอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกันกับช่วงเสียงกลางและเสียงสูงอย่างไร้ตะเข็บรอยต่อ พร้อมด้วยจังหวะจะโคนที่แม่นยำเยี่ยมยอด ฟังแล้วรู้สึกรุกเร้าสนุกสนานในทุกท่วงทำนองของแนวดนตรี 

ECI 6 DX mkII + Monitor Audio: Siver 7G 50th Anniversary Limited Edition ฟังแล้วปลาบปลื้มน่าประทับใจ แฝงความรุกเร้าสนุกสนาน ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อรับฟังกับท่วงทำนอง-จังหวะเพลงเร็วๆ ก็เพียบพร้อมด้วยช่วงไดนามิคเสียงที่มีความฉับพลัน ไม่อืดอาด อัดอั้น กับทั้งช่วงเสียงเบสที่ลงไปได้ลึกล้ำ รวมทั้งน้ำหนักเสียงที่ดื่มด่ำอย่างแท้จริง “ECI 6 DX mkII” ทรงอิทธิพลผลักดัน Monitor Audio: Silver 7G 50th Anniversary Limited Edition ให้ส่งมอบสมรรถนะอันเกินขนาดตัวยิ่งนัก กระทั่งสามารถก้าวขึ้นไปท้าทายสมรรถนะของลำโพงตั้งวางพื้นขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า …ใครก็ตามที่ได้ฟังการจับคู่ขับขานจะรู้สึกตกใจในทันใดเมื่อได้รับฟังเสียงสะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นของมัน ทั้งยังเป็นเสียงที่ฟังดูสนุกสนานอย่างน่าเพลิดเพลินใจด้วยเช่นกัน เสียงที่รับฟังจาก “ECI 6 DX mkII” มีท่วงทำนองดนตรีที่หนักแน่น แม่นยำ เข้มข้น รุกเร้า ไม่แช่มช้าฟังได้มันส์ซะใจ 

สำหรับ Electrocompaniet “ECI 6 DX mkII” จัดเป็นอินติเกรตแอมป์รุ่นใหญ่ ที่ให้สมรรถนะและคุณภาพเสียงที่ฟังแล้วอิ่มเอิบใจ เป็นแนวเสียงที่สูงค่าในแนวทางของความเป็น Electrocompaniet อย่างเต็มตัว แนวทางเสียงของ Electrocompaniet นั้นเป็นลักษณะเสียงที่พูดได้ว่า ควบรวมความเป็นหลอดฯเข้ากับความเป็นโซลิด-สเตทอย่างลงตัว โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตน เป็นลักษณะเสียงที่สืบสานแบบอย่างมาจากต้นตำรับของ Dr.Matti Otala ทั้งนี้น้ำเสียงที่ ECI 6 DX mkII + Monitor Audio: Silver 7G 50th Anniversary Limited Edition ส่งมอบออกมานั้น โดดเด่นที่ความต่อเนื่องไหลลื่นของเสียง ฟังได้นวลเนียนกลมกลืนกัน ไม่มีอะไรที่ล้ำหน้าระหว่างเสียงทุ้ม – เสียงกลาง – เสียงแหลม ให้ความมีเนื้อเสียงอิ่มฉ่ำ ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ไร้ซึ่งความแข้งกระด้างระคายหู ซึ่งในความนวลเนียนกลมกลืนกันนั้นก็มีความคมชัด สดใส โปร่งกระจ่างให้ได้รับฟัง เป็นความ “คมชัด” ที่ไม่ใช่ความคมแข็ง และเป็นเสียงที่ไม่ได้ก้าวร้าวสร้างความรู้สึกอึดอัด  

ยืนยันชัดเจนว่า “ECI 6 DX mkII” ให้ความอิ่มเอิบ สดใส และฉับไวมากจริงๆ ครับ พร้อมกับสำแดงให้รับรู้ถึงสมรรถนะในการส่งมอบไดนามิกอันน่าประทับใจจริงๆ ทั้งยังให้ความละเมียดละไมของเสียงที่ดีมาก อ่อนหวาน กังวาน นวลนุ่ม และให้ความมีตัวตน เป็นลักษณะน้ำเสียงที่เปี่ยมในความมีชีวิตชีวา พร้อมๆ กับสร้างความประทับใจในสุ้มเสียงที่นวลเนียน ละเอียด สดใส ควบคู่ความฉับพลันทันใดกันเลยทีเดียว รับฟังรายละเอียดของเสียงเครื่องเคาะจังหวะแปลกๆ ได้ทุกเม็ดไม่มีพลาด ทั้งยังแยกแยะระยะความลึก-ใกล้-ไกลของแต่ละชิ้นดนตรีได้ดีมาก เหลื่อมไปทางซ้ายนิด เยื้องไปทางขวาหน่อย ไม่มีอาการซ้อนทับกัน 

นอกเหนือจากเสียงเบสที่เปี่ยมในพละกำลัง ควบคุมตัวได้ดี และยังทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกล้ำเต็มที่อย่างแท้จริงดังที่บอกไว้ตอนต้นแล้วนั้น “ECI 6 DX mkII” ยังให้ไดนามิกเสียงอันฉับไว เปี่ยมในเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น ทั้งในแง่ของความกระชับ กระฉับกระเฉงในท่วงท่า-จังหวะจะโคนของดนตรี ที่สำคัญเสียงต่างๆ ที่รับฟังล้วนมีความอบอุ่น อิ่มฉ่ำ ให้ความมีตัวมีตนของเสียง สมจริงสมจังอย่างเสียงที่ได้ยินได้ฟังในธรรมชาติ “ECI 6 DX mkII” สามารถให้ช่วงย่านเสียงความถี่สูงอันพละพลิ้ว ลอยตัว เต็มเปี่ยมในความมีชีวิตชีวา และทิ้งทอดตัวได้ยาวไกล ในขณะที่ปลายหางเสียงสูงๆ อย่างฉิ่ง-ฉาบ-เหล็กสามเหลี่ยมก็เปี่ยมในความกังวาน-ยาวไกลไปสุดตัว และยังบ่งบอกเสียงลมพ่น-กัดหูน้อยๆ ของเครื่องดนตรีประเภท brass และเสียงลมเป่า-เป็นละอองของเครื่องดนตรีประเภท woodwind ได้เป็นธรรมชาติสมจริงมาก  

ในขณะที่เวทีเสียงก็ให้ความเด่นชัด ไล่ระดับความลึกชนิดน่าทึ่ง สำแดงศักยภาพความเป็น 3 มิติของเสียงได้อย่างครบถ้วนโดยไม่ต้องใช้จินตนาการ ทั้งในแง่ความแผ่กว้าง-ความสูง และความลึกในสภาพซาวด์สเตจ พร้อมทั้งบรรยากาศห้อมล้อม หรือ atmosphere อันอบอวลสมจริง ให้การรับรู้ได้ถึงความลึกของเวทีเสียง และสนามเสียงที่แผ่กว้าง-แยกแยะแถวชั้น-ตำแหน่งเสียงที่ไม่ซ้อนทับกัน และไม่มีเสียงใดๆ ที่ล้ำหน้าเกินกว่าแนวตำแหน่งตั้งวางลำโพงออกมา (laid back) บรรยากาศของโถงแสดงดนตรีเป็นอีกสิ่งที่ชัดเจนมาก ให้การรับรู้ถึงความโอฬารของสถานที่บันทึกเสียง พร้อมด้วยความกังวานของเสียงช่วยให้การรับฟังมีความอบอวลของมวลอากาศอย่างสมจริงในเหตุการณ์ที่รับฟัง 

“ECI 6 DX mkII” ทำให้รับรู้ได้ถึงสเกลเสียงอันสมจริง ไม่ใหญ่-ไม่เล็กผิดไปจากสภาพอันเป็นจริง ไม่ต่างไปจากที่เราเคยได้ฟังเสียงนั้นๆ ในธรรมชาติ ด้วยขนาดเวทีเสียงที่แผ่กว้างเลยตำแหน่งตั้งวางลำโพงซ้าย-ขวาออกมาข้างละร่วมเมตร ซึ่งถ้าลองฟังกับแนวดนตรีแสดงสด คุณจะรู้สึกราวกับเข้าไปอยู่ท่ามกลางสภาพเสียงในเหตุการณ์จริง ณ ขณะนั้นเลยทีเดียวเชียวละ ยิ่งกว่านั้นทางด้านของเสียงร้อง (vocal) ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ฟังดูอิ่มเอิบ มีชีวิตชีวา ราวกับว่านักร้องนั้นกำลังปรากฏกายอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงและดนตรีที่กำลังรับฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่อุบัติขึ้นอย่างปุ๊บปั๊บ ฉับพลัน ไม่เพียงแค่ประกายเปล่งปลั่งของเสียงนะครับ การจางหายไปของเสียงต่างๆ (decay time) ก็ถูกจาระไนออกมาได้ดีมาก ฟังสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติ  

การแยกแยะระยะห่าง-ช่องว่างระหว่างชิ้นดนตรีก็มีความจะแจ้งมาก ให้ระดับความลึกที่เพิ่มขึ้นกว่าธรรมดาจากที่เคยรับฟัง รวมถึงความอวบอิ่มมีน้ำมีนวล และความมีตัวตนของทุกสรรพเสียง สามารถจำแนกรายละเอียดเสียงต่ำๆ อย่างลีลาการโซโลกลองได้ชัดเจนมาก ทั้งยังให้ความกลมกล่อม ละมุนละไม มีสภาพมวลบรรยากาศ (airy) การบ่งบอกความลึกในสภาพเวทีเสียงก็ทำได้ดีมาก หากเป็นการรับฟังจากแนวเพลงแสดงสด (live performance) “ECI 6 DX mkII” จะส่งมอบบรรยากาศของฮอลล์ หรือ สถานที่ที่ใช้แสดงสดนั้นได้อย่างอบอวลมาก เสียงปรบมือของผู้ชมเวลาชื่นชอบถูกใจในการแสดง ช่างยิ่งใหญ่โอฬาร !! และเกลี่ยระยะชัดลึกแผ่ออกไปไกลมาก ฟากซ้ายจรดฟากขวา ทั้งไม่จับตัวเป็นปึกเป็นก้อนนะครับ เรียกว่าแทบจะเห็นมือไหวๆ เลยทีเดียว อีกทั้งยังทำให้รับรู้ได้ถึง “มวล” ที่มากขึ้น น้ำหนักเสียงเป็นตัวเป็นตนชัดเจนขึ้นทั้งเสียงร้องและของชิ้นดนตรี  

“ECI 6 DX mkII” ทำให้การรับฟังเพลงและดนตรีรับรู้ได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่จริงจากสรรพเสียงที่กำลังรับฟัง รายละเอียดเสียงสารพัดพรั่งพรูออกมาอย่างจะแจ้ง “ECI 6 DX mkII” ส่งมอบเสียงเพลงและดนตรีได้อย่างอลังการสมความเป็น “ECI 6 DX mkII” ที่เป็นอินติเกรตแอมป์รุ่นใหญ่ของ Electrocompaniet …รับฟังแล้วช่างน่าชื่นใจยิ่งนักครับ 

สรุปส่งท้าย 

Electrocompaniet: ECI 6 DX mkII นี่คืออินทิเกรตแอมปลิฟายเออร์ที่ประสบความสำเร็จ และมีคุณสมบัติที่ดีมากๆ บรรจุอยู่ในตัวที่ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายราคาแพง(มากเกินไป)เพื่อแลกมันมาใช้งาน ซึ่งยิ่งหากคุณเป็นคนรักในเสียงเพลงที่ต้องการความสะดวกสบาย และไม่ยึดติดกับความต้องการระดับเงินล้าน แต่ต้องการคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฟังเพลง Electrocompaniet: ECI 6 DX mkII จะเป็นอินติเกรตแอมป์ตัวหนึ่งที่คุณต้องห้ามพลาด… 

ขอบอกว่า “ECI 6 DX mkII” ให้การรับฟังเสียงเพลงและดนตรีที่มีความครบถ้วนและครบเครื่อง แม้ว่าจะรับฟังในระดับความดังเสียงที่ไม่มากมายอะไรนัก และเมื่อคราใดที่ต้องการความสาแก่ใจ ก็มั่นใจได้ว่า อัตรากำลังขับ 125 วัตต์ต่อข้างของ “ECI 6 DX mkII” จะตอบสนองต่อความต้องการในระดับพีคสุดของคุณได้ โดยไม่ต้องมาระแวงระวังกลัวว่า ลำโพงจะพัง หรือ ขับลำโพงไม่ไหว  

“ECI 6 DX mkII” ทำให้เราได้ทึ่ง รับรู้ถึงสารพัดเสียงสอดแทรกต่างๆ ที่ถูกบ่งบอกออกมาราวกับรายรอบตัวเรา มันจะแจ้งมากๆ สดสะอาดและแจ่มชัดในทิศทางที่มาของเสียงนั้นๆ ช่วงย่านเสียงกลาง/ต่ำให้ทั้งความสดใสและฉับไว รายละเอียดต่างๆ มีความครบชัด ในขณะที่ช่วงย่านความถี่สูงก็ให้รายละเอียดได้ยิบยับ ฟังแล้วรู้สึกประทับใจจริงๆ ครับ 

ขอขอบคุณ Bulldog Audio โทร. 081-454-0078 ที่เอื้อเฟื้อ ELECTROCOMPANIET: ECI 6 DX mk II สำหรับการทดสอบ 

อนึ่ง ELECTROCOMPANIET: ECI 6 DX mk II มาพร้อม DAC + Streamer ราคา 270,000.- บาท แต่ถ้าเฉพาะอินทิเกรตเต็ดแอมป์ภาคไลน์ ราคา 230,000.- บาท