Test Report: ลำโพง CANTON GLE 476

0

Test Report: ลำโพง CANTON GLE 476

หัสคุณ

gle476w

                CANTON ถือเป็นบริษัทผลิตลำโพงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมัน มีลำโพงไม่น้อยกว่า 500 คู่ ที่ถูกผลิตขึ้นภายใต้ชื่อของ CANTON จะแตกต่างกันก็ตรงที่ขนาด รวมถึงการออกแบบ และคุณสมบัติที่มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้อย่างทั่วถึง CANTON ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1972 ด้วยบุคคล 4 คนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในคุณภาพเสียงแบบไฮ-โฟ ทั้ง4คนได้ร่วมกันโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะผลิตลำโพงที่ดีที่สุดในแต่ละระดับราคา บุรุษทั้ง 4 ประกอบไปด้วย HUBERT MILBERS ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท (MANAGING DIRECTOR), OTFRIED SANDIG ดำรงตำแหน่งฝ่ายการตลาดและจัดจำหน่าย (MARKETING AND SALES), GUNTHER SEITZ ดำรงตำแหน่งเป็นเอ็นจิเนียร์และฝ่ายเทคนิค (ENGINEERING / TECHNOLOGY) และWOLFGANG SEIKRITT ดำรงตำแหน่งค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (RESEARCH / DEVELOPMENT) ทั้ง 4 ท่านได้นำเอาประสบการณ์และความรู้ที่แตกต่างกัน ซึ่งมีอยู่ในแต่ละคนมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อก่อตั้งบริษัทใหม่ให้เกิดขึ้นและก้าวเดินไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มต้นด้วยการหาทำเลเพื่อที่จะก่อตั้งบริษัทใหม่ และโชคก็เข้าข้างเมื่อเกิดการปฏิรูปของแคว้นในประเทศเยอรมัน จนทำให้อาคารโรงเรียนของหมู่บ้านถูกปล่อยร้างไว้ พวกเขาจึงได้ใช้โรงเรียนดังกล่าวในเมือง NIEDER LAUKEN มาใช้เป็นอาคารของบริษัทใหม่ที่จะก่อตั้งขึ้น

canton

อันดับต่อมาคือชื่อซึ่งมีความสำคัญและต้องสื่อถึงความหมายของ ‘ดนตรีที่บริสุทธิ์’ เพื่อจะเชื่อมโยงกับบริษัทอย่างแนบแน่น ในความมุ่งมั่นเพื่อรังสรรค์ผลงานอันได้แก่ ลำโพงเพื่อให้มีคุณภาพสูงที่สุด เพื่อถ่ายถอดคุณภาพเสียง และความเป็นดนตรีอย่างลึกซึ้ง พวกเขาได้ตั้งชื่อว่า CANTON ซึ่งเป็นการนำเอาคำมาผสมกันระหว่าง ภาษาลาตินกับเยอรมัน คำแรกคือ “CANTARE” ในภาษาลาตินแปลว่า เพื่อร้องเพลง (TO SING) นำมาผสมรวมกับ คำว่า “TON” ซึ่งในภาษาเยอรมันแปลว่า “เสียงของดนตรี” (MUSICAL TONE) เมื่อผสมกันจึงได้เป็นคำว่า CANTON พวกเขาทั้ง 4 ได้จดทะเบียนชื่อของบริษัทเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1972 และเริ่มต้นธุรกิจในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1973 โดยมีพนักงานจำนวน 35 คน งานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ CANTON นั้นจะทำกันในห้องรับแขก (LIVING ROOM) เพราะปรัชญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทีมงาน CANTON นั้นจะให้ความสำคัญกับลำโพงที่ถูกใช้ในห้องรับแขกเป็นหลัก ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพของลำโพงจึงต้องอยู่ภายในห้องนั้นเป็นสำคัญ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยนั้น ลำโพงของ CANTON ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองเฉพาะกับผู้ฟังที่หลงใหลในเสียงเพลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับรูปแบบและหน้าตา ที่ต้องมีความสวยงาม เป็นที่ต้องตาต้องใจ ของผู้หญิงด้วยเช่นกัน ผู้ชายจะให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง และพละกำลังเป็นหลัก ในขณะที่ผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับขนาดที่เหมาะสม รวมทั้งการออกแบบ หน้าตาของตู้ลำโพงที่ดูสวยงาม และทันสมัย นี้คือหลักการออกแบบที่ให้ความสำคัญทั้งกับชายและหญิงอย่างเท่าเทียมและนำมาผสมผสานให้มีความลงตัวที่โดดเด่นอย่างน่าสนใจของ CANTON

ต่อมาทาง CANTON ได้ปรับปรุงสถานะในการพัฒนา ลำโพงคุณภาพสูงให้ดียิ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ด้วยทาง CANTON ได้สร้างห้องแบบไร้เสียงสะท้อน (ANECHOIC CHAMBER) ของตนเองขึ้นในปี ค.ศ. 1989 ห้องดังกล่าวถือว่าเป็นห้องทดลองและห้องปฏิบัติการที่สำคัญในการทดสอบและวัดค่าต่างๆ ที่มีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพเสียงของลำโพงให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ค้นคว้า และพัฒนาเทคโนโลยีในระดับพื้นฐานมาเป็นเวลานานหลายปี ทีมงานเอ็นจิเนียร์ของ CANTON ก็สามารถที่จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทางทีมงานของ CANTON สามาพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในการพัฒนาคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของลำโพงขึ้นเอง โดนใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า DC (DISPLACEMENT CONTROL) TECHNOLOGY และ SC (SUBSONIC CONTROL) TECHNOLOGY

DC TECHNOLOGY เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการ ป้องกันการสะท้อนของความถี่ต่ำ ที่มีผลต่อการตอบสนองต่อความถี่ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ในขณะที่ SC TECHNOLOGY เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาการออกแบบวงจรฟิลเตอร์เพื่อให้ลำโพงสามารถที่จะตอบสนองความถี่ต่ำลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีทั้งสองนี้ช่วยทำให้ผู้ที่ได้รับฟังเสียงของลำโพง CANTON สามารถสัมผัสฟังได้ถึงความถี่ต่ำที่มีความเที่ยงตรง ที่มาพร้อมกับแรงปะทะที่หนักหน่วงอย่างน่าทึ่ง อีกทั้งลำโพงเองก็มีขีดความสามารถในการรองรับแรงขับที่เกินตัว (UNBELIEVABLE OVERLOAD TOLERANCE) ได้อย่างเหลือเชื่อ และด้วยผลงานการวิจัยและพัฒนาลำโพงดังกล่าวช่วยให้สามารถขยายอายุการใช้งานของลำโพง CANTON ให้ยืนยาวกว่าลำโพงโดยทั่วไปได้อย่างเด่นชัด

guenther seitz

                ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 40 ปี ที่ทาง CANTON ได้ก้าวเท้าเข้ามาสู่อุตสาหกรรม ในการผลิตลำโพงคุณภาพสูงมาอย่างต่อเนื่อง ทาง CANTON เองก็ไม่ได้จำกัดตัวอยู่เพียงแค่การผลิตลำโพงแบบ 2 แชนแนลเพื่อใช้ฟังในบ้านเท่านั้น CANTON ยังเคยร่วมกัน PULLMAN CAR SPEAKER เพื่อผลิตลำโพงที่ใช้ภายในรถยนต์ มีการพัฒนาระบบลำโพงแบบดิจิตอลจนได้รางวัล EUROPEAN AUDIO AWARD ในสาขา BEST AUDIO INNOVATION ในปี ค.ศ. 1998 มาแล้ว มีการพัฒนาระบบสำหรับชุด HOME THEATER SYSTEM มีลำโพงขนาดเล็กหลากสีสัน เพื่อเอาใจวัยรุ่นอย่าง POPSMARTS มีการผลิต DIGITAL SOUND STATION อย่าง DSS 303 เพื่อรองรับการใช้งานผ่าน IPOD และ IPHONE รวมทั้งการพัฒนาระบบ DIGITAL MOVIE SERIES ที่มีระบบ VIRTUAL SURROUND เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ และแน่นอน CANTON ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาลำโพงในระบบ 2 แชนแนล สเตอริโอ ที่ดีสุดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นลำโพงนะดับเรือธง (FLAGSHIP) อย่าง VENTO REFERENCE 1 DC ในอดีตมาจนถึงลำโพงรุ่น REFERENCE 1.2 DC ในปัจจุบัน

CANTON ยังคงมุ่งมั่นและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งหมายของ GUNTER SGITZ ที่ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการบริษัทของ CANTON หลังจากที่ได้วิศวกรมือดีอย่าง FRANK GObL มาดำรงตำแหน่ง TECHNICAL HEAD เพื่อพัฒนาลำโพงของ CANTON ให้ทำหน้าที่เป็นสะพานในการเชื่อม หรือนำพาผู้คนจำนวนมากมายทั่วโลกให้สามารถเข้าถึงความเป็นดนตรีที่เหมาะสมในทุกรสนิยม และ ตอบสนองต่อความพึงพอใจอย่างทั่วถึง

gle476-5 woofer

CANTON GLE 476

ในอดีตนั้นลำโพงของ CANTON ที่เข้ามาสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักของเหล่านักเล่นนักฟังในบ้านเราก็คือลำโพงในตระกูล KARAT ซึ่งในปัจจุบันไม่มีแล้ว ในขณะนี้ทาง CANTON เองมีไลน์การผลิตลำโพงแบ่งของเป็น 8 ซีรีส์ ด้วยกัน (ยังมีไลน์เฉพาะของซับวูฟเฟอร์ ที่ถูกแยกออกมาต่างหากอีก 1 ซีรีส์ ) เริ่มจากลำโพงในตระกูล CD SERIES ไล่เลี่ยงขึ้นไปจนถึง ตระกูลระดับ REFERENCE สำหรับ GLE SERIES ถือเป็นลำโพงในระดับ”เริ่มต้น”แบบ ENTRY LEVEL ที่ขยับขึ้นมาจากตระกูล CD SERIES ลำโพงในตระกูล GLE ถือเป็นลำโพงที่ทาง CANTON ให้ความสำคัญกับรูปโฉมที่สวยงาม ถึงแม้ว่าจะเป็นลำโพงแบบตั้งพื้นที่มีไดรเวอร์หลายตัวขับ ทาง CANTON ก็พยายามออกแบบให้มีแผงหน้าที่แคบดูเพรียวไม่เทอะทะในแบบ SLENDER BAFFLE ตัวลำโพงนั้นเลือกทำผิวแบบ BI – COLOR ในสไตล์แบบตกแต่ง TRENDY DECOR ที่มีให้เลือกถึง 5 สีด้วยกัน ลำโพงตระกูล GLE SERIES จึงถือเป็นหนึ่งในซีรีส์ของลำโพงจาก CANTON ที่ขายดีที่สุดในยุโรป

สำหรับ GLE SERIES 476 นั้นเป็นลำโพงตั้งพื้นแบบ 3 ทาง 3 ตัวขับที่มีขนาดรองลงมาจาก รุ่น GLE 496 ที่เป็นลำโพงขนาดใหญ่สุดในซีรีส์นี้ GLE 476 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 190 x 960 x 290 มม. (ก x ส x ล) และมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 15.2 กก. / ข้าง

GLE 476 ถูกออกแบบมาเป็นลำโพงแบบตู้เปิด (BASS REFLEX VENT) ใช้ทวีตเตอร์โดมขนาด 1” ไดรเวอร์เบสมิดเรนจ์ ขนาด 7” และวูฟเฟอร์ขนาด 7” โดยที่ท่อเบสจะวางอยู่ทางด้านหลัง (REAR FACING) วางตัวอยู่สูงขึ้นมาจากฐานตู้ประมาณ 22 ซม. ตัวตู้เป็นทรงสี่เหลี่ยมตามมาตรฐาน ตัวแผงหน้า แผงบน และแผงหลังดูจะแข็งแกร่งกว่าผนังตู้ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน สำหรับใต้ฐานด้านล่างนั้นจะไม่มีรูเพื่อใส่เดือยแหลม หรือ SPIKE แต่จะเป็นขากลม 4 จุด แบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องเสียงโดยทั่วไป

innovation GLE476

                ทวีตเตอร์ขนาด 1” เป็นซอฟต์โดมที่ทำจากผ้า (FABRIC) ทาง CANTON ได้ออกแบบตัวแผงหน้า (FRONT PLATE) ของทวีตเตอร์ขึ้นเองและเรียกว่า TRANMISSION FRONT PLATE เพื่อช่วยในการควบคุมพฤติกรรมของการกระจายเสียงให้ดีที่สุด สำหรับไดรเวอร์เบสมิดเรนจ์และวูฟเฟอร์ขนาด 7” นั้น เป็นไดรเวอร์แบบเดียวกัน ตัวกรวยขึ้นรูปจากเยื่ออะลูมิเนียม (ALUMINUM MEMBRANES) ที่มีความแข็งแกร่ง สามารถรับแรงปะทะของความถี่ต่ำๆ ได้ดี อีกทั้งยังสามารถคงรูปและรองรับระดับความดัง (HIGH SOUND PRESSURE) ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการสร้างความถี่ต่ำที่สมจริง ไม่เพียงเท่านั้นทาง CANTON ยังได้ออกแบบขอบเซอราวด์ ของไดรเวอร์ขึ้นใหม่โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า WAVE TECHNOLOGY ตัวขอบเซอราวด์จึงมีความพิเศษที่แตกต่างออกไปจากลำโพงโดยทั่วไปกล่าวคือตัวขอบยางเซอราวด์ที่ว่านี้นั้นจะมีความโค้งเป็นลอนแบบ DOUBLE CURVED SHAPE ที่ขึ้นรูปได้ถึง 3 ใน 4 ส่วน ซึ่งเปรียบเทียบกับขอบเซอราวด์ของลำโพงโดยทั่วไปเกือบทั้งหมดในตลาดนั้น จะมีขอบโค้งนูนเพียงครึ่งเดียวหรือ แบบ HALF ROUND เท่านั้น ทาง CANTON เรียกการออกแบบนี้ว่า WAVE SURROUND หรือ SINUSOIDAL SURROUND และด้วยรูปแบบที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษนี้ จะช่วยทำให้พื้นที่ในการขยับตัวของไดรเวอร์เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ซึ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับไดรเวอร์โดยทั่วไปที่มีขนาดเท่ากันนั้น ไดรเวอร์ของ CANTON จะมีพื้นที่ในการขยับตัวได้สูงกว่าถึง 60% เป็นอย่างน้อย ดังนั้นไดรเวอร์ที่ใช้ขอบพิเศษแบบ WAVE SURROUND จะสามารถเคลื่อนตัวทำให้ได้ช่วงชัก (CONE TRAVEL EXCUSION) ที่ยาวและเหนือกว่าทำให้ได้ความถี่ต่ำที่ทรงพลัง โดยที่มีผลกระทบต่อระบบโครงสร้างของไดรเวอร์ (STRUCTURAL DEFORMATION) ที่น้อยกว่า และมีความเพี้ยนที่ต่ำกว่า

ตัวโครงของไดรเวอร์ถูกผลิตขึ้นรูปจากโพลีคาร์บอเนท (POLYCARBONATE) ที่มีน้ำหนักเบา มีความแข็งแรงและไม่สะสมพลังงานเหมือนกับโครงโลหะเหล็กโดยทั่วไป ทาง CANTON เองไม่ได้ให้ความสำคัญเฉพาะแต่กับความถี่ต่ำเท่านั้น ในการออกแบบไดรเวอร์ทาง CANTON ยังให้ความสำคัญกับการตอบสนองความถี่ที่สมดุล (WAVE BALANCED SOUND) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ หรือ HALLMARK ที่สำคัญของลำโพงในตระกูลGLE SERIES มาอย่างยาวนาน

ในส่วนของวงจรครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์กนั้นใน GLE 476 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ทำงานรวมกับระบบเบสรีเฟล็กซ์ ที่มีท่อระบายยิงออกทางด้านหลังอย่างกลมกลืน ตัวชุดวงจรจะถูกจัดวางอยู่บนแผ่นPCBที่มีลายทองแดงเป็นทางเดินสัญญาณ สำหรับจุดตัดของวงจรครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์กจะอยู่ที่ 300 Hz (วูฟเฟอร์) และ 3200 Hz (มิดเรนจ์) สำหรับขั้วต่อสายลำโพงจะมีเพียงชุดเดียวแบบ MULTI -WAY เคลือบทองหุ้มด้วยพลาสติก สามารถต่อสายลำโพงได้หลายแบบ ทั้งแบบสายเปลือย ก้ามปู หรือแบบบานาน่าปลั๊ก นับว่าให้ความสะดวกในการใช้งานได้ดี

P1090870

สำหรับสเปค GLE 476 มีดังนี้ :

Type Floorstanding speaker
Nom. /Music power handling 110 / 170 watts
SPL (1 watt/1m) 89.5 db
Frequency response 25…30.000 Hz
Crossover frequency 300 / 3.200 Hz
Woofer 1 x 180 mm (7”), Aluminum (Wave surround)
Midrange 1 x 180 mm (7”), Aluminum (Wave surround)
Tweeter 1 x 25 mm (1”), Fabric
Special Features Rear-Fix
Nominal Impedance 4…8 ohms
Dimensions (WxHxD) 19 x 96 x 29 cm
(7.5” x 37.8” x 11.4”)
Weight 15.2 kg
Carton Content Canton GLE 476
Fabric grill
Bedienungsanleitung

P1090882

ผลการทดลองฟัง

CANTON GLE 476 น่าจะผ่านการใช้งานมาเต็มที่แล้วพวกเราจึงวอร์มไว้อีกประมาณ 1 อาทิตย์จากนั้นจึงทำการฟังเพื่อสรุปผลกัน สำหรับซิสเต็มนี้ใช้ร่วมในการฟังประกอบด้วย

เครื่องเล่นซีดี : MARANTZ CD 17 (CLOCK II)

ปรีแอมป์ : ADCOM GFP 750

เพาเวอร์แอมป์ : FORTE F5 , NAKAMICHI PA 5 E II , KENWOOD BASIC M-1

อินทีเกรทแอมป์ : XAV X-60i (UPGRADE BY INNERSOUND) , MARANTZ PM 66 SE KI , INCRECABLE iAMP TIA 240 (UPGRADE BY INNERSOUND)

สายนำสัญญาณ : VAMPIRE AI-II

สายลำโพง : VAMPIRE ST-II, VAMPIRE # 826C

สายไฟAC : XAV XAC # 5

ฟิวส์ : MUSIC MUSE V2

ชุดโฮมเธียเตอร์

BLU-RAY PLAYER : PANASONIC DMP BD-85

ปรีแอมป์ : NAD 1020

: ROTEL RC-970 BX

เพาเวอร์แอมป์   : ROTEL RB-980 BX (FRONT CHANNEL)

: ROTEL RB-980 BX (CENTER CHANNEL)

อินทีเกรทแอมป์ : XAV X-30 i (SURROUND CHANNEL)

ลำโพงเซ็นเตอร์ : XAV SL-5 C

ลำโพงเซอราวด์ : XAV DP 130 SE

ซับวูฟเฟอร์ : XAV V12 TURBO

สายนำสัญญาณ : VAMPIRE CC-1

สายลำโพง : VAMPIRE #826C

สายไฟAC : XAC #2,3

ฟิวส์ : MUSIC MUSE V2

ห้องฟังขนาด 4 x 8 เมตร ได้รับการปรับแต่งอะคูสติกมาอย่างดี

CANTON GLE 476 ถือว่าเป็นลำโพงที่เล่นง่ายไม่จู้จี้ในการเลือกคู่ จะจับคู่กับอินทีเกรทแอมป์ไม่ว่าจะเป็นทรานซิสเตอร์หรือหลอดจากค่ายจีน,ญี่ปุ่น,ยุโรปหรืออเมริกา หรือจะเป็นปรีแอมป์กับเพาเวอร์แอมป์ระดับไหน GLE 476 ก็ไม่เกี่ยงงอนแม้แต่น้อย แม้จัดเซ็ตเข้ากับชุดโฮมเธียเตอร์ลำโพง CANTON GLE476 ก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างกลมกลืนแบบสบายๆ ถ่ายทอดคุณลักษณะเสียงของตนเองออกมาได้เป็นอย่างดี สำหรับคุณภาพพิเศษส่วนที่เหลือที่ถือเป็นโบนัสนั้นก็จะแปรเปลี่ยนไปตามศักยภาพและคุณภาพของซิสเต็มที่นำมาจับคู่กัน

สำหรับการเซ็ตอัพตำแหน่งของลำโพงนั้น GLE 476 ก็ทำตัวว่าง่าย ไม่ยุ่งยากโดยหลักแล้วจะจัดวางอย่างไร GLE 476 ก็สามารถที่จะถ่ายถอดคุณภาพเสียงอันถือว่าเป็นจุดเด่นของตนเองออกมาได้ดี แต่ถ้าต้องการรีดเค้นเอาคุณภาพแบบเต็มร้อยก็ต้องอาศัยทั้งความตั้งใจและความพยายาม พร้อมกับความใส่ใจในการจัดวางอีกสักหน่อย GLE 476 ก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้เช่นกัน หลังจากที่ได้ลองขยับเพื่อดูพฤติกรรมและคุณสมบัติโดยรวมของ GLE 476 แล้ว ก็พยายามจัดวางเพื่อหาตำแหน่งที่ดีที่สุดของ GLE 476 สรุปก็มาลงตัวที่ระยะห่างระหว่างลำโพงซ้ายและขวาที่ 2.00 เมตรวางตัวห่างจากผนังด้านหลังประมาณ 1.78 เมตร และทำมุมโท-อิน เล็กน้อยประมาณ 15 องศา ไม่มีการใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ เพื่อช่วย GLE 476แต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่าทาง CANTON ได้ตั้งใจออกแบบ GLE 476 ไว้ตามนี้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว

จุดเด่นของ CANTON GLE 476 ก็คือการถ่ายทอดโทนเสียงที่มีความสมดุล มีความกลมกลืนที่ดี สรุปกันแบบง่ายๆให้เป็นที่เข้าใจก็คือ GLE 476 เป็นลำโพงแบบ “3ฟัง” กล่าวคือเป็นลำโพงที่ฟังดี ฟังง่าย และฟังเพลิน

เริ่มจากเสียงร้องของ CLAIR MARLO ที่แสดงออกถึงความงดงาม น้ำเสียงมีความสดใส ให้ความไพเราะเปรียบได้กับเสียงที่มาจากสรวงสวรรค์ของนางฟ้า (CLAIR MARIO : LET IT GO : SHEFFIELD LAB CD 29 / USA ) ตามมาด้วยเสียงร้องของ CAROL KIDD ที่สดใส มีชีวิตชีวา การถ่ายถอดน้ำหนักของเสียงที่มีการผ่อนหนักผ่อนเบาได้อย่างมีเสน่ห์ แสดงถึงทักษะในการร้องที่เหนือชั้นอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอออกมาได้อย่างน่าฟัง (CAROL KIDD : NICE WORK : LINN RECORDS :AKH CD 006) หรือจะเป็นเสียงร้องของ JACKIE EVANCHO ที่มีมวล มีความสดใส และทรงพลังเกินกว่าวัยของเธออย่างไพเราะ ( JACKIE EVANCHO : DREAM WITH ME IN CONCERT : SYCO MUSIC / USA) CANTON GLE 476 สามารถถ่ายทอดคุณลักษณะเฉพาะของนักร้องแต่ละท่าน ออกมาได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่า GLE 476 จะไม่ลงลึกไปในการเปิดเผยรายละเอียดได้อย่างลึกซึ้งก็ตาม แต่ความสมดุล และรายละเอียดที่มีก็เพียงพอต่อการนำเสนอความเป็นดนตรี ที่สามารถถ่ายทอดถึงผู้ฟังได้อย่างน่าฟังและเหมาะสม นี่จึงเป็นคำนิยามของลำโพงที่ฟังดี

GLE 476 ไม่ใช่ลำโพงที่เลือกไปได้ดีเฉพาะกับดนตรีหรือแนวเพลงในแนวทางไหน แนวทางหนึ่ง เหมือนลำโพงบางคู่เป็นสำคัญ แต่ GLE 476 เลือกที่จะวางน้ำหนักและให้ความสำคัญในการถ่ายทอดความสมดุลที่ดี จึงไปได้ดีกับเพลงทุกแนวไม่ว่าจะเป็นเพลงไทย เพลงสากล ทั้งแนวร้อง และแนวบรรเลง ดังนั้น GLE 476 จึงเป็นลำโพงที่ฟังง่าย และไม่ว่าจะเป็นแผ่นเพลงแนวออดิโอไฟล์ที่ได้รับการบันทึกมาอย่างดีหรือแผ่นเพลงโดยทั่วไปรวมทั้งไฟลืเพลงแบบMP3ที่ได้รับการบันทึกมาในรูปของการบีบอัดข้อมูลซึ่งมีคุณภาพที่ไม่ค่อยดีนัก GLE 476 ก็สามารถที่จะนำเสนอบทเพลงเหล่านั้นออกมาได้อย่างน่าฟังและนำพาให้คุณคล้อยตามไปกับความไพเราะของบทเพลงเหล่านั้นได้อย่างเพลิดเพลิน นี้จึงเป็นคำนิยามของลำโพงที่ฟังเพลิน

จะว่าไปแล้ว CANTON GLE 476 ถือเป็นลำโพงที่เหมาะกับนักเล่นที่พึ่งเริ่มจะก้าวเข้าสู่วังวนของดนตรีและเครื่องเสียง มีความต้องการลำโพงที่สามารถให้ความไพเราะของดนตรีที่ดี จัดวางได้ง่ายและไม่สร้างความผิดหวังใดๆ ยกเว้นก็แต่นักเล่นที่มีประสบการณ์และมีความต้องการที่จำเพาะ เจาะจงเป็นพิเศษเท่านั้น

เสียงแหลมของ GLE 476 นั้นมีความเปิดเผย มีการแจกแจงรายละเอียดที่ดี มวลเสียงแม้จะบางเบาลงไปบ้าง แต่ก็ยังควบคุมสมดุลของเสียงโดยรวมให้มีความกลมกลืนได้ดีไม่ได้เน้นเด่นเป็นพิเศษแต่อย่างใด ปลายเสียงแหลมมีความกังวาน และการทอดตัวออกไปได้ดี ก่อนจะค่อยๆ ลดระดับของน้ำหนักและเก็บตัวอย่างเป็นธรรมชาติ (TEST CD4.1 : DEPTH OF IMAGE – TIMBRE – DYNAMICS : OPUS3)

เสียงในผ่านกลางต่ำค่อนข้างกระชับ น้ำเสียงมีความชัดเจน มวลเสียงค่อนมาทางบางไม่อิ่มเอิบและ เก็บตัวเร็ว(JOHN MICHAEL MONTGOMERY : KICKIN’ IT UP : ATLANTIC / USA) จังหวะดนตรีของ GLE 476 มีความกระชับ ฉับไว อัพเปอร์เบส ของ GLE 476 มีแรงปะทะที่หนักหน่วง และทรงพลังอย่างน่าทึ่ง! ไม่ว่าจะเป็นเพลง IT’S RIDICULOUS อันโด่งดังในอดีตในแผ่น ‘ช้างน้อย’ (REPERCUSSION UNIT – IN NEED AGAIN) เสียงจังหวะของเบสนั้นหนักหน่วงพอๆ กับที่ได้ยินจากซับวูฟเฟอร์ชั้นดีเลยทีเดียว หรือจะเป็นเพลง JAZZ VARIANTSที่บรรเลงโดยวง THE O-ZONE PERCUSSION GROUP (MANGER: Musik Wie Von Einem/www.manger.msw) ที่ถ่ายทอดเสียงอัพเปอร์เบสได้หนักแน่นพร้อมกับแรงปะทะที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากไดรเวอร์ขนาดเพียง 7” กับขนาดตู้ของ GLE 476 ที่ดูกะทัดรัดและมีขนาดที่เล็กลงไปในทันทีเมื่อเปรียบเทียบกับพละกำลังที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างโดดเด่น นี่คือความโดดเด่นของขอบเซอราวด์พิเศษที่ออกแบบโดย CANTON ด้วยเทคโนโลยี WAVE TECHNOLOGY อย่างได้ผลนั่นเอง

กับภาพยนตร์แอ็คชั่นจากแผ่นบลู-เรย์ อย่าง TRANSFORMERS หรือ BATMAN “THE DARK KNIGHT” ไล่เรียงไปจนถึงการแสดงคอนเสิร์ตของ DAVID FOSTER และผองเพื่อนในแผ่น ‘HITMAN’ GLE 476 สามารถตอกย้ำการถ่ายทอดพละกำลังของเสียงในย่านอัพเปอร์เบส ออกมาได้อย่างโดดเด่น ถึงพร้อมทั้งน้ำหนัก และแรงปะทะที่หนักหน่วงเกินตัวจริงๆ แน่นอนว่าพละกำลังย่านเบสต่ำๆ และความลึกของเบส ยังเป็นรองเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับซับวูฟเฟอร์ชั้นดี แต่ในห้องที่มีพื้นที่จำกัด การใช้ GLE 476 เป็นลำโพงคู่หน้าในชุดโฮมเธียเตอร์ ก็สามารถนำมาซึ่งความเพลิดเพลินในการรับชมและรับฟังได้เพียงพอเป็นอย่างดี โดยไม่ต้องพึ่งพาซับวูฟเฟอร์แต่อย่างใด สำหรับเบสต่ำๆ นั้นลงได้ลึกพอประมาณ เป็นเบสที่เร็วกระชับ และเก็บตัวไว (EXOTIC DANCES FROM THE OPERA : R&R)

สมรรถนะทางด้านอิมเมจนั้น GLE 476 สามารถวางตำแหน่งของชิ้นดนตรีต่างๆได้นิ่ง เสียงร้องรวมทั้งเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ มีความชัดเจนที่ดี เพียงแต่การขึ้นรูปของอิมเมจเพื่อให้เกิดความรู้สึกถึงการคงอยู่ของอิมเมจนั้นยังทำได้ไม่ชัดเจนนัก GLE 476 จะวางรูปวงถอยลึกลงไปกว่าแนวระนาบของลำโพงเล็กน้อย จากนั้นจึงขยายรูปวงออกไป สัดส่วนความลึกทำได้ดีกว่าทางด้านกว้าง ให้ความรู้สึกถึงความเป็นกลุ่มเป็นวงที่ดี

gle476mw

สรุป

เป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ CANTON ก้าวเข้าสู่วงการเครื่องเสียง ด้วยมุ่งเน้นที่จะผลิตลำโพงคุณภาพสูงให้แก่นักเล่นนักฟังทั่วโลก มีการเรียนรู้ พร้อมกับประสบการณ์ จนสามารถพัฒนาความรู้เหล่านั้นออกมาเป็นเทคโนโลยีในการพัฒนาคุณภาพของลำโพงให้มีมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น ลำโพง CANTON GLE 476ได้แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานที่ทาง CANTON ได้กำหนดขึ้นนั้นอยู่ในระดับสูงแค่ไหน นอกเหนือจากมาตรฐานในการผลิตแล้ว สิ่งที่จะบอกถึงคุณภาพของลำโพงนั้นๆก็ คือคุณภาพเสียง CANTON GLE 476 นับว่าเป็นลำโพงที่เป็นมิตร ใช้งานได้ง่าย ในขณะเดียวกันก็มีคุณภาพเสียงที่ดี ฟังง่าย และฟังเพลิน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเล่นที่พึ่งจะเริ่มเล่นหรือแม้แต่นักเล่นที่มีประสบการณ์ที่กำลังมองหาลำโพงที่เสียงดี ดูสวยงามทันสมัย และมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป CANTON GLE 476 จึงตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างเหมาะสม และน่าสนใจไม่น้อย

GLE SERIES ยังถือว่าเป็นลำโพงในระดับเริ่มต้นเท่านั้น ทาง CANTON ยังมีลำโพงคุณภาพสูงอีกหลายซีรีส์ ที่เป็นทางเลือกให้กับนักเล่น นักฟัง ที่มีความต้องการและมีงบประมาณที่สูงกว่าควรลองหาเวลาไปสัมผัสฟังลำโพงพันธุ์แท้จากเยอรมันด้วยตัวคุณเอง

ขอขอบคุณ บริษัท อินเวนทีฟ เอวี จำกัด โทร. 0-2238-4078-9 ที่เอื้อเฟื้อลำโพง CANTON GLE 476 มาให้ทดสอบในครั้งนี้

รูปลักษณ์ : ***

สมรรถนะ : ***

คุณภาพเสียง :***(เฉพาะย่านอัพเปอร์เบส :****)

ความคุ้มค่า :*** 1/2

โดยรวม :***