ทั้งนี้ Rega ระบุว่า Planar 6 ได้รับการสรรค์สร้างขึ้นจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเทิร์นเทเบิ้ลรุ่น RP8 และ RP10 แต่ในความเป็นจริงนั้น พูดได้ว่า Planar 6 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่เครื่องแรกของ Rega ที่ถูกสร้างด้วยวัสดุชนิดใหม่ “Tancast 8” สำหรับฐานแท่นเครื่อง ซึ่งเป็นแกนโฟมโพลียูรีเทน (polyurethane foam core plinth) ที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ (unique ultra-light) ด้วยความเป็นวัสดุที่พัฒนาขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ (aerospace industry) โดยที่วัสดุดังกล่าวจะประกบอยู่ระหว่าง HPL (high pressure laminate) ชนิดใหม่ ที่เป็นลามิเนตแรงดันสูง และมีความบางเป็นพิเศษ ในขณะที่มีความแข็งเป็นพิเศษไปพร้อมกัน
ซึ่งด้วยความที่มีโครงสร้างฐานแท่นเครื่องในแบบที่มีวัสดุโฟมโพลียูรีเทน สอดไส้เป็นแกนกลาง และมีวัสดุ HPL ประกบอยู่ในลักษณะของแซนวิช ทำให้ Planar 6 มีโครงสร้างฐานแท่นเครื่องที่มีมวลเบา และไม่สะสม หรือ ส่งทอดพลังงานแรงสั่นสะเทือน อันเนื่องมาจากความต่างกันทางโครงสร้างและความหนาแน่นที่ต่างกันของสองวัสดุที่ประกบกันอยู่ในลักษณะของแซนวิช และยังได้มาซึ่งความแข็งแรงทางโครงสร้างอันเนื่องมาจาก HPL ที่ประกบวัสดุโฟมโพลียูรีเทนอยู่ทั้งสองด้านควบคู่ในเวลาเดียวกัน ทำให้เป็นจุดเด่นสำคัญในความเป็น Planar 6
จึงพูดได้ว่า Planar 6 ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพในระดับที่เหนือกว่าสิ่งใดในระดับราคาเยี่ยงนี้ Planar 6 มีแท่นวางแผ่นเสียงแบบ dual-layer float glass platter พร้อมติดตั้งโทนอาร์ม RB330 มาจากโรงงาน รวมทั้งภาคจ่ายไฟแบบ NEO MK2 power supply ใหม่ล่าสุดเป็นมาตรฐาน ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ขับหมุนรุ่นใหม่ 24 V low noise synchronous motor ที่ปรับแต่งด้วยมือ (hand tuned) ช่วยให้เลือกความเร็วรอบการหมุน (RPM) ได้สะดวกและแม่นยำ ด้วยการปรับความเร็วแบบละเอียดระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อระบบขับหมุนด้วยสายพานในแบบEBLT Reference belt-drive system ที่ให้ความเที่ยงตรงสูงสุดสำหรับความเร็วรอบหมุนในขณะเล่นแผ่นเสียง
มาถึงในส่วนของโทนอาร์ม RB330 ที่ได้รับการติดตั้งสำเร็จมาจากโรงงาน ด้วยความโดดเด่นในความเป็น stainless balance weight tonearm ที่ Rega ได้พัฒนามาจากจุดเริ่มต้น “RB300” จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งนี้โทนอาร์ม RB330 ได้รับการออกแบบโดยใช้เทคโนโลยี 3D CAD & CAM ล่าสุด และนับเป็นสุดยอดของประสบการณ์การออกแบบโทนอาร์มมากกว่า 35 ปีของ Rega ด้วยตัวเรือนตลับลูกปืนใหม่ล่าสุด (new bearing housing) และท่อโทนอาร์มล่าสุด (latest tonearmtube designed) ที่ออกแบบโดยใช้การกระจายมวลอย่างชาญฉลาด ทำให้มั่นใจได้ว่า โทนอาร์ม RB330 นี้ จะแสดงจุดเรโซแนนซ์ที่ต่ำลงเท่าที่จะเป็นได้ พร้อมด้วยความมีเสถียรภาพสูงสุดในการเคลื่อนไหวที่แทบไร้ซึ่งแรงเสียดทาน (friction free movement) อันเนื่องมาจากชุดประกอบตลับลูกปืนที่มีความแม่นยำสูงมาก
ในส่วนของหัวเข็ม Rega ที่จะติดตั้งสำเร็จมาจากโรงงานได้กำหนดตัวเลือกไว้ดังนี้ Exact (MM) หรือว่า Ania (MC) หรือว่าจะเป็น Ania Pro (MC) โดยที่ผู้ใช้จะสามารถระบุให้ทำการติดตั้งสำเร็จจากโรงงานตามรุ่นที่ต้องการ *** หมายเหตุ: Planar 6 ที่ทางเราได้รับเข้ารีวิวนั้นทางโรงงานได้ติดตั้งมาพร้อมกับหัวเข็มรุ่น Exact *** ทั้งนี้ Rega ระบุว่า Exact เป็นหัวเข็มระดับบนสุด (top of the range) ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หัวเข็มแบบ moving magnet (MM) ที่ได้รับการผลิตขึ้นด้วยมือ ออกแบบ-สร้างขึ้นด้วยมาตรฐานสูงสุดให้มีเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่แคบที่สุด และใช้โปรไฟล์ ‘Vital’ ขั้นสูง (‘Vital’ nude diamond profile) ที่ Rega พัฒนาต่อยอดจากปลายหัวเข็มที่เป็นแบบ fine line micro-ground ด้วยความละเอียดซับซ้อนยิ่งขึ้นอย่างมาก โดยขึ้นรูปจากแท่งเพชรรูปสี่เหลี่ยม (rectangular diamond billet) ซึ่งด้วยโปรไฟล์ ‘Vital’ ขั้นสูงที่เป็นเอกลักษณ์ ควบคู่กับก้านเข็มที่เป็นวัสดุอะลูมิเนียม (Aluminium cantilever) ซึ่งมีมวลเบา ทว่าแข็งแรง และไม่สะสมพลังงาน จึงมั่นใจได้ว่า ปลายหัวเข็มจะสามารถเกาะติดร่องแผ่นเสียงด้วยความแม่นยำที่ดีขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ระบบติดตั้งหัวเข็มของ Rega จะเป็นแบบสามจุด (Rega 3 point fixing) ที่ไม่เหมือนใคร ช่วยให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งของการติดตั้งบนส่วนของเฮดเชลล์กับโทนอาร์ม RB330 โดยที่ภายในโครงสร้าง Exact แต่ละหัว จะประกอบด้วยขดลวดคอยล์เกรดสูงสุด พันคู่ขนานกัน (parallel coils) ซึ่งทำการประกอบอย่างระมัดระวังในตัวเรือนที่ Rega กำหนดขึ้นอย่างเป็นการเฉพาะ และพอเหมาะเพื่อสร้างช่องว่างขั้วแม่เหล็กเคลื่อนที่ ที่มีช่วงแคบที่สุด เพื่อการบรรลุสู่ตัวเลขสมดุลของช่องสัญญาณ (channel balance) อันละเอียดเหลือเชื่อที่ค่า ±0.1 mV ซึ่งนี่ทำให้ Exact สามารถส่งมอบจินตภาพสเตอริโอที่ดีที่สุด พร้อมทั้งค่าความแรงสัญญาณเอาต์พุตที่สูงที่สุด ซึ่งทาง Rega ได้ระบุว่า ใช้เวลาในการปรับช่วงแม่เหล็กของ Exact นานกว่าการปรับช่วงแม่เหล็กรุ่นอื่นๆ ถึงสามเท่า ด้วยค่าความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นนี้ ผู้ฟังจะได้สัมผัสกับเสียงเบสที่หนักแน่น และเสียงแหลมที่คมชัด สดสะอาด
คุณภาพการรับฟัง
เป็นความจริงที่ว่า Planar 6 กับ RB330 และ Exact เข้าขาการทำงานร่วมกันและกันได้เป็นอย่างดี แสดงถึงจุดเด่นของความเป็นแบรนด์เดียวกัน ที่ผ่านการค้นคว้าและพัฒนามาอย่างสอดคล้องต้องกัน ทว่าในความเป็น Rega ที่ถือได้ว่า เป็นเจ้าพ่อแห่งเครื่องเล่นแผ่นเสียงในแนวทางที่ไร้ซึ่งส่วนลดทอน หรือ กั้นกรองแรงสั่นสะเทือนใดๆ เรียกได้ว่า Rega แนวทางของ non-isolation นั่นเอง โดยมีเพียงแค่ขาตั้งที่เป็นลูกยาง (rubber feet) จำนวน 3 ขาแค่นั้น นี่จึงทำให้การตั้งวาง Planar 6 รวมทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียงทุกรุ่นของ Rega จำเป็นต้องมีความเหมาะเจาะเหมาะสม หาตำแหน่งอย่างระมัดระวัง พื้นผิวเรียบและแข็ง ทั้งยังควรจะห่างจากลำโพง ที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนและการเคลื่อนที่ของมวลอากาศที่ส่งคลื่นไปรบกวน
กระนั้นความที่ Planar 6 นั้นใช้ double-brace technology ทำให้มีการเชื่อมต่อเชิงกล (mechanical connection) ที่แน่นหนายิ่งขึ้นระหว่างฐานโทนอาร์ม และตัวเรือนตลับลูกปืนหลักที่รองรับน้ำหนัก และจุดหมุนที่เรียบลื่น รวมไปถึงการมีแท่นวางแผ่นเสียง หรือ แพลตเตอร์ (platter) แบบใหม่ล่าสุดของ Rega ที่ประกอบด้วยวัสดุแก้วสองชิ้นที่เชื่อมติดกันด้วยกาวยูวี แทนที่จะเป็นเนื้อเดียวกัน อย่างที่ Regaใช้มานานหลายปี ทำให้มีพื้นผิวที่ราบเรียบอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้การวางแผ่นเสียงมีสภาพการเชื่อมต่อทางกายภาพ (physical connection) ที่ดีขึ้นระหว่างตัวแผ่นเสียงกับแพลตเตอร์
จากการรับฟัง หัวเข็ม Exact นั้นให้ลักษณะเสียงที่ฟังดูเหมือนแนวเสียงของหัวเข็ม MC มากทีเดียว ผลการรับฟัง Planar 6 ให้สรรพเสียงที่ได้ฟังออกไปทางราบเรียบ (แฟลต) ดีมากๆ เป็นลักษณะเสียงที่ให้ความมีชีวิตชีวา มีตัวมีตน มีเนื้อมีหนัง ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย โดยปราศจากซึ่งความโฉงฉ่าง กร้าวร้าวใดๆ ปรากฏออกมา ในขณะที่ไดนามิก-ความฉับพลันในเสียงดนตรีนั้นก็พรั่งพรูออกมา พร้อมด้วยน้ำหนักเสียงของแต่ละชิ้นดนตรีที่ฟังดูสมจริง แม้แต่เสียงเพอร์คัสชั่นอันแผ่วเบา ที่ปรากฏอยู่ในวงเวทีเสียงชั้นหลังสุด อิมเมจที่ปรากฏช่างแจ่มชัดอยู่ต่อหน้า ไล่ระดับเป็นแถวชั้นตื้น-ลึก พร้อมด้วยอาณาบริเวณเสียงอันแผ่กว้าง
ตามต่อด้วยแผ่น “Orchestrations Astromantic” โดยสังกัด RCA JAPAN (RDCE-6) ที่ต้องบอกว่าเป็น สุดยอดอลังการแห่งเสียงจากการรับฟังด้วย Planar 6 เพราะให้บรรยากาศเสียงที่โอฬารมากๆ ความกระหึ่มกึกก้องของบทเพลงที่คุ้นหูจากเครื่องดนตรีกว่าร้อยชิ้น แผ่ไพศาลอยู่ต่อหน้า เครื่องดนตรีชิ้นนั้นชิ้นนี้ เรียงรายอยู่ตรงนั้นตรงนี้ในตำแหน่งเวทีเสียงที่ไล่ระดับความลึก-ตื้นอย่างชัดแจ้ง ต้องขอยืนยันครับว่า Planar 6 สามารถทำให้เรารับรู้ได้ถึงมวลบรรยากาศที่โอบล้อมรอบตัวเราอย่างน่าทึ่ง อีกทั้งในเรื่องของน้ำหนักเสียงที่ให้ความมีตัวมีตนของเสียง เปล่งออกมาจากตำแหน่งตรงนั้นตรงนี้อย่างสมจริง
จากแผ่น “Boling Point” แผ่นไดเร็กต์-คัทชั้นเลิศของ Toshiba Pro-use Series (LF-95009) ที่รวมเอาศิลปินและนักร้องชั้นยอดมารวมไว้ เฉพาะอย่างยิ่งเสียงของ Mari Nakamoto ในเพลง My Funny Valentine และ Misty ที่สุดแสนซาบซึ้ง ลึกลงไปถึงแหล่งเสียงจากลำคอของเธอ เสียงกลองชุดที่ให้ความตึงของหนังหน้ากล้อง เสียงฉาบที่ใสกังวาน กำลังแกว่งสั่นระรัว เสียงแซกโซโฟนที่บ่งบอกถึงแรงลมที่เป่าพ่นออกมา เสียงเบสยืนที่ดึ๋งดั๋งหนักแน่นราวมองเห็นการสั่นของสายเบส
“Finesse” หนึ่งในแผ่นไดเร็กต์-คัทเพียงไม่กี่อัลบั้มของ Nautilus Recordings (NR-22) ผลงานสุดแสนไพเราะของ John Klemmer ที่ให้คุณภาพเสียงดีมากๆ เสียงเพอร์คัสชั่นกรุ๊งกริ๊งกังวานจับใจ แม้แต่หางเสียงที่ค่อยๆ จางหายไปก็ช่างเป็นอะไรที่ธรรมชาติมากจริงๆ เสียงแซกโซโฟนที่ให้ความสมจริงด้วยมวลอากาศที่ถูกเป่าพ่นเป็นแรงลมพุ่งออกมา ชัดเจนขนาดที่ว่าได้ยินเสียงน้ำลายน้อยๆ เข้าไปขังอยู่ในลิ้นเสียงของแซกโซโฟน… แม้กระทั่งเสียงหวดแซ่ลงไปบนฉาบอย่างฉับพลันก็เปล่งประกายออกมาสดใส ให้พลังไดนามิกแห่งเสียงจากแผ่น direct-cutting ได้ครบชัดมาก ยิ่งฟังยิ่งเพลินใจครับ
Planar 6 สามารถบ่งบอกเส้นสายลวดลายทักษะการเล่นกีต้าร์ของ LaurindoAlmeida ได้อย่างรวดเร็ว ฉับไวน่าประทับใจ เสียงกลองชุดฝีมือของ Shelly Manne ก็ให้น้ำหนักและระบุตำแหน่งสูง-ต่ำของฉาบได้ชัดแจ้งมาก เสียงเบสยืนที่ร่ายลีลาระดับเทพโดย Ray Brown ก็ให้ความหนักแน่นสาแก่ใจ ราวเห็นเส้นสายกำลังสั่นแกว่งไกว เสียงแซกโซโฟนโดย Bud Shank ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ราวเห็นเป็นตัวเป็นตนกำลังโยกตัวโอนเอนตามท่วงทำนองเพลง จากการรับฟังแผ่น “PavanePour Une Infante Défunte” หนึ่งในผลงานชั้นสุดยอดของ L.A. 4 ด้วยแผ่นไดเร็กต์-คัทของสังกัด East Wind Records (EW-10003)
“Direct from L.A.” เป็นอีกแผ่นไดเร็กต์-มาสเตอริ่ง จากผลงานของ The Great Jazz Trio ในสังกัด East Wind Records (EW-10005) ที่เจ้า Planar 6 ทำเอาตัวเราจมกลืนเข้าไปในบรรยากาศลาตินผสมกลิ่นอายของบลูส์จนอดไม่ได้ที่จะกระดิกเท้าและดีดนิ้วมือตาม จนต้องหยิบเอาชุด “I’m Old Fashioned” อีกหนึ่งผลงานของวงนี้ (East Wind Records หมายเลขแผ่น EW-8037) ที่มี Sadao Watanabe ร่วมเป่าแซกฯด้วยมาฟังต่อเนื่องกัน ซึ่งเจ้า Planar 6 ก็สามารถเปิดเผยรายละเอียดเสียงต่างๆในช่วงย่านเสียงกลางได้อย่างโดดเด่นมีชีวิตชีวา ได้ยินเสียงลมเป่าพ่นออกมาเบาๆแจ่มชัด พร้อมด้วยสมรรถนะการแยกแยะตำแหน่งชิ้นดนตรี 3-4 ชิ้นได้เป็นอิสระ มีตำแหน่งแห่งที่แน่ชัด พร้อมกับความเปิดโปร่งของมวลบรรยากาศในสถานที่แสดง
Planar 6 จะทำให้คุณได้เข้าถึงห้วงอารมณ์เพลงที่รับฟังได้อย่างมีอรรถรส ทั้งในแง่ของมวลบรรยากาศรายรอบอันอบอวล รายะเอียดเสียงต่างๆ ที่ให้ความมีตัวตน รวมไปถึงเรื่องของความถูกต้องของ timbre ในเสียงแต่ละเสียง การให้ความฉับพลันทันใดอันเปี่ยมในน้ำหนักเสียงอย่างสมจริง แม้แต่ช่วงปลายหางเสียงอันแผ่วเบา ความกังวานทอดยาว และพละพลิ้วราวอณูเสียงของปลายเสียงสูงๆที่เปิดโปร่งอย่างมากๆ ล้วนเป็นความน่าประทับใจที่ชักจูงให้เราหยิบจับแผ่นโน่นแผ่นนี้มาเปิดฟังต่อเนื่องกันไปอย่างเพลินใจ
นอกจากนี้ Planar 6 ยังสามารถทำให้เราได้เข้าถึงซึ่งความสมจริงแห่งเสียง ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง เรี่ยวแรงปะทะ ความฉับพลันทันใด รวมทั้งน้ำหนักเสียงอย่างน่าประทับใจ ทั้งยังให้เสียงที่มีมิติ มีตัวตน มีห้วงอารมณ์ความรู้สึกของดนตรี รวมถึงความเป็นธรรมชาติของเสียงแต่ละเสียงที่บังเกิดขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา สามารถจับตำแหน่งการแยกแยะแถว-ชั้นของเสียง พร้อมด้วยความโปร่งโล่งในมวลบรรยากาศ สารพัดเสียงสอดแทรกต่างๆที่ถือเป็นรายละเอียดก็สดใส กระจ่างมาก และให้ทิศทางที่มาของเสียงนั้นๆ อย่างแจ่มชัด
จากแผ่น “The Three” ผลงานชั้นสุดยอดของ Joe Sample, Ray Brown และ Shelly Manne ภายใต้แผ่นไดเร็กต์-คัทของสังกัด East Wind Records (EW-10001) เป็นอีกอัลบั้มที่ผมรับฟังอย่างปลื้มปิติในใจ เสียงที่ได้ฟังแผ่กว้างเป็นปริมณฑลอยู่ในเวทีเสียงที่ชัดเจน โปร่งกระจ่าง ให้พลังไดนามิกได้เด็ดขาด ฉับไวมาก ฟังแล้วนึกถึงอัลบั้ม “MISTY” ของสังกัด สามหนูตาบอด (TBM-30) ที่ถูกนำมาจัดทำใหม่ในวาระครบรอบ 25 ปีของอัลบั้มนี้โดย RTI …โอ้ว แม่เจ้า ไดนามิกแจ่มแจ๋วจริงๆ เลยครับ น้ำหนักเสียงก็ให้ความเป็นตัวเป็นตน อย่างกับกำลังมาบรรเลงเล่นให้เราฟังอยู่ตรงหน้า
สภาพบรรยากาศรายรอบ (atmosphere) ของสถานที่แสดงดนตรี (hall หรือ arena) จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างอบอวลเป็นระลอกคลื่นอากาศ ยิ่งฟังจะยิ่งติดใจในสภาพบรรยากาศของความเป็นอนาล็อก ยอมรับว่า Planar 6 บ่งบอกความเป็นธรรมชาติของทุกสรรพเสียงออกมาจากแผ่นเสียงแผ่นโน้นแผ่นนี้ที่หยิบจับนำมาเปิดฟัง รับรู้-สัมผัสได้ถึงความอิ่มฉ่ำความมีตัวตนของเสียงต่างๆ ได้อย่างชื่นมื่นหัวใจ เสียงทุกเสียงมีอาณาบริเวณ ไม่ซ้อนทับบดบังกัน แม้ในช่วงดนตรีโหมประโคมสนั่น ทั้งยังแยกแยะเสียงสะท้อนที่ก้องกังวานย้อนกลับมาแผ่วๆ ของสภาพอคูสติกได้แจ่มชัดมาก ราวนำพาตัวเราเข้าไปนั่งอยู่ในสถานที่นั้นๆ เชียวละครับ
สรุปส่งท้าย
ชัดเจนว่า Planar 6 ให้เสถียรภาพของรอบความเร็วการขับหมุนที่ดีมาก การปรับเปลี่ยนความเร็วรอบหมุนระหว่าง 33 1/3 และ 45 RPM ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว แทนที่จะต้องถอดแพลตเตอร์ และยกสายพานออก เพื่อทำการปรับเปลี่ยนความเร็วรอบหมุน ทำให้ไม่รู้สึกสะดุดอะไรในห้วงอารมณ์เพลงจากการเปลี่ยนแผ่นที่ค่าความเร็วรอบหมุนนั้นแตกต่างกันในขณะฟังเพลง
ทิ้งท้ายไว้ครับ หากนำแผ่นเสียงระบบ Direct-cut หรือแผ่นประเภท super-cut ทั้งหลายมาเปิดฟัง รับรองว่า คุณจะต้องอุทาน …!! อย่างตื่นใจในความรู้สึก เพราะห้องฟังของคุณจะเสมือนว่า ด้านลึกที่ราวกับว่า ผนังหลังห้องล่องหนหายไป (ทะลุเลยผนังหลังห้องจริงๆออกไป) พร้อมทั้งไดนามิกที่ลื่นไหลและฉับพลันทันใด Planar 6 ช่างเยี่ยมยอด คุ้มค่าต่อราคาจริงๆ ครับ ฟังแล้วติดใจ …ไม่อยากส่งคืนเลยอะ
Technical Specifications:
Planar 6 Turntable
Tonearm
Hand assembled precision RB330 tonearm
Motor
24 V low noise motor
Platter
Dual layer smoked / clear glass platter
Connectivity
RCA / Phono
Power
Mini DIN for connection to supplied Neo PSU
Planar 6 Turntable Dimensions (lid closed) (W x H x D)
447 x 120 x 360 mm
Neo PSU Dimensions (W x H x D)
180 x 50 x 155 mm
Weight
5.2 kg
Technical Specifications
Exact
Output
6.8 – 7.2 mV
Stylus
‘Vital’ – Complex fine line micro-ground from a rectangular diamond billet
Fixing
Rega 3 point fixing
Coils
High spec parallel wound coils
Colour
Yellow
Tracking Pressure
1.75 g
Impedance
47 k
Capacitance
100 pF