J.Sikora : Initial Line Turntable + KV12 Tonearm

0

J.Sikora เป็นผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียง และโทนอาร์มคุณภาพสูงจากโปแลนด์ โดยมีรากฐานมาจากงานโลหะ และงานกลึงอุตสาหกรรม รวมถึงมีจุดแข็งด้านวิศวกรรมเครื่องกลในยุโรปตะวันออก ซึ่งอิทธิพลของสิ่งเหล่านี้จะเห็นได้ชัด นับตั้งแต่พินิจพิจารณาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง “Initial Line” ที่อยู่ในระดับเริ่มต้นของไลน์ผลิตภัณฑ์ J.Sikora แต่ว่า นี่มิใช่แสดงตนเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงระดับเริ่มต้นเลย…

โทนอาร์ม J.Sikora ที่ใช้งานร่วมกัน เป็นผลพวงจากโครงการพัฒนาที่สำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาจำหน่ายเกือบหนึ่งพันดอลลาร์ (ราคาในสหรัฐอเมริกา) ดังนั้น ณ ตอนนี้เราไม่ได้กำลังพูดถึงแท่นเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาไม่แพงแต่อย่างใด (ทว่าระดับราคาของ J.Sikora แต่ละรุ่นนั้น ก็นับว่า น่าสนใจ ไม่ใช่ว่า แพงลิบลับจนจับต้องได้ยาก…) แม้ว่า J.Sikora ก็ก้าวขึ้นมาจากจุดนั้น และดูก็รู้ว่า มีความปรารถนาอย่างชัดเจนที่จะเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ทันสมัยที่สุดในทุกระดับราคาที่ J.Sikora มีอยู่ในสายการผลิต

เกริ่นนำ

…ย้อนไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2, Joseph Stalin ผู้นำเผด็จการโซเวียตได้จัดตั้งกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่เรียกว่า Lublin Committee ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลโปแลนด์ในต่างแดนที่ตั้งอยู่ในลอนดอน เมื่อกองทัพแดงของ Stalin ขับไล่พวกนาซีและยึดครองโปแลนด์แล้ว ก็ได้ทำให้ Lublin Committee ชาวโปแลนด์มีอำนาจขึ้น โดยกวาดล้างกลุ่มประชาธิปไตยทั้งหมดในโปแลนด์ จนกระทั่งในปี 1989 เมื่อขบวนการโซลิดาริตี้ (Solidarity Movement) ประสบความสำเร็จ คอมมิวนิสต์จึงถูกโค่นล้มลง และโปแลนด์ก็หลุดพ้นจากการปกครองของสหภาพโซเวียต ตั้งแต่นั้นมา โปแลนด์ก็ฟื้นตัวกลับมาอย่างน่าทึ่ง เศรษฐกิจของโปแลนด์กำลังจะกลายเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 20 ของโลก และกองทัพก็ใหญ่ที่สุดในยุโรป

การฟื้นตัวของโปแลนด์นั้นถือเป็นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งก็รวมถึงการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมเครื่องเสียงระดับไฮ-เอนด์ในท้องถิ่น ปัจจุบัน งาน Warsaw Audio-Video Show ประจำปีดึงดูดผู้เข้าชมจากทั่วโลก Adam Mokrzycki ซึ่งเป็นผู้จัดงานนั้นทำหน้าที่บริหารงานได้ดีมาก ถือเป็นงานแสดงสินค้าเพื่อผู้บริโภค (Consumer Show) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รองจากงาน High-End Munich Show (ซึ่งใหญ่กว่าและเน้นไปที่ธุรกิจมากกว่า)

บริษัทแห่งหนึ่งในเมืองลูบลิน (Lublin) ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้โปแลนด์ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเครื่องเสียงระดับไฮ-เอนด์คือ J.Sikora ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงและโทนอาร์ม ซึ่งเริ่มต้นกิจการตั้งแต่ปี 2007 โดยที่บริษัทนี้ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้ง Janusz Sikora ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะวิทยา โดย ณ ปัจจุบันลูกชายของ Janusz Sikora นั่นคือ Robert Sikora กำลังดำรงตำแหน่งผู้นำของบริษัท

Janusz Sikora

Janusz Sikora เป็นนักเล่นเครื่องเสียงตัวยง และตัดสินใจเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านโลหะวิทยาของเขามาออกแบบและสร้างเครื่องเล่นแผ่นเสียงของตัวเองในที่สุด ความรู้พื้นฐานที่เขาใช้ในการสร้างเครื่องเล่นแผ่นเสียงนั้นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากการประกอบและการตกแต่งที่ยอดเยี่ยม

อนึ่ง เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว ผู้ที่สนใจเรื่องเสียงอาจจำเครื่องขยายเสียงแบบหลอดฯ ที่มีชื่อว่า Burdiak-Sikora ได้ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในโปแลนด์ในเวลานั้น ช่วงเวลายี่สิบปีที่แล้วนั้น แตกต่างจากปัจจุบันมาก เนื่องจากแทบไม่มีใครเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ แต่ผู้ที่ชื่นชอบเสียงส่วนใหญ่ในโปแลนด์ ยังคงจำแบรนด์นี้ได้ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะการนำเสนอที่จัดขึ้นในงาน Audio Show 1997 โดยใช้เครื่องขยายเสียงหลอดฯ โมโน ‘Burdiak-Sikora’ ขับเคลื่อนลำโพง Focal Utopia อันมีชื่อเสียง

Focal Utopia และ Burdiak-Sikora ในงานโชว์ปี 1997

หลังจากนั้นไม่นาน ความร่วมมือระหว่างสองนักออกแบบก็ล้มเหลว ทำให้สูญเสียชื่อนักออกแบบ Janusz Sikora ไปจากสายตานักเล่นเครื่องเสียงหลายปี แต่แล้วไม่กี่ปีที่ผ่านไป Janusz Sikora ก็ได้กลับมาอีกครั้ง โดยคราวนี้มาพร้อมกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีตราสินค้า ‘J.Sikora’…ซึ่งในตอนแรก แทบจะไม่สามารถหาข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Janusz Sikora ได้ เนื่องจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเพื่อนของ Janusz Sikora โดยเฉพาะ

ซึ่งต่อมา ได้ทราบว่า เจ้าของเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Janusz Sikora (ที่มีความสุขและภาคภูมิใจ) เป็นผู้โน้มน้าวให้ Janusz Sikora ตัดสินใจเข้าร่วมงาน Audio Show ประจำปี 2014 ที่เมืองวอร์ซอ เพื่อนำเสนอผลงานของเขาต่อสาธารณชน ซึ่งผู้คนที่มาเยี่ยมชมห้องแสดงของ Janusz Sikora ต่างไม่เชื่อเลยว่า ในประเทศโปแลนด์จะสามารถผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มีคุณภาพดี ดูดี และมีเสียงดีเช่นนี้ได้

ทั้งนี้การออกแบบ, คุณภาพการประกอบ และการตกแต่งภายนอกของแบรนด์ ‘J.Sikora’ นั้นน่าทึ่งมาก และไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน อิทธิพล หรือ แรงบันดาลใจที่ Janusz Sikora ได้รับนั้นค่อนข้างชัดเจน เห็นได้จากโซลูชันเฉพาะสำหรับการออกแบบนี้ โดยเลือกใช้วัสดุแปลกใหม่ และคุณภาพนั้นก็ยอดเยี่ยมมาก เทียบได้กับผลิตภัณฑ์ระดับไฮ-เอนด์อื่น ๆ ในประเภทเดียวกัน

ชิ้นส่วน-ส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ในเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ ‘J.Sikora’ ผลิตขึ้นเองภายในบริษัท (เนื่องจาก Janusz Sikora นับเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านผลิตภัณฑ์โลหะและการแปรรูปโลหะของโปแลนด์) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความด้อยคุณภาพของชิ้นส่วน-อุปกรณ์ที่ส่งมอบจากซัพพลายเออร์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาพความไม่คงเส้นคงวาในคุณภาพของผลิตภัณฑ์

การมีบริษัทของตัวเอง ซึ่งผลิตชิ้นส่วน-อุปกรณ์ประกอบที่จำเป็นสำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ความเป็นไปได้ในการทดลอง, ทดสอบวัสดุ, ค้นหาโซลูชัน และอื่นๆ ในขณะที่คนอื่นต้องว่าจ้างซัพพลายเออร์ภายนอกให้ทดสอบแนวคิดใหม่ๆ แต่ Janusz Sikora สามารถดำเนินการวิจัยและพัฒนาภายในบริษัทโดยแสวงหาแนวคิดใหม่ๆ ด้วยตัวเอง แม้ว่า แนวทางนี้ต้องเสียเงิน แต่ก็แน่นอนว่า ยังประหยัดกว่ามากเมื่อเทียบกับการใช้บริษัทภายนอก

เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น Reference เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงระดับ เรือธงของ J.Sikora เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นนี้มีน้ำหนักกว่า 107 กก. (238 ปอนด์) โดยตัวแท่นหมุนแผ่นเสียง (Platter) เพียงอย่างเดียวมีน้ำหนักราว ๆ 18 กก. (เกือบ 40 ปอนด์) และมีมอเตอร์ ‘Pabst’ DC สี่ตัวแยกกันทำหน้าที่ขับหมุน โดยแต่ละตัวทำงานควบคู่กับรอก ‘Delrin’ หลายร่อง (Multi-Grooved Delrin Pulleys) เพื่อสร้างเสียงที่ฟังดูสนิทนิ่ง มั่นคงและความเร็วคงที่ ข้อเสียของมอเตอร์หลายตัวคือ มอเตอร์หลายตัวสร้างเสียงดังกว่า แต่ทว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียง ‘Reference’ นั้น ทำงานได้เงียบมาก ซึ่งส่วนหนึ่งของ “ความเงียบ” นั้นเกิดจากแหล่งจ่ายไฟแยกส่วนที่ออกแบบมาอย่างดี กับอีกส่วนหนึ่ง (อาจ) มาจากส่วนประกอบที่ซับซ้อนของแผ่นเสียง ซึ่งทำจากเหล็กหล่อ, อะลูมิเนียม และเดลริน (Delrin)

ตัวแผ่นด้านบนที่รองรับแผ่นเสียง (Top Mat) ประกอบด้วยกระจกล้อมรอบแผ่นอะลูมิเนียม ส่วนประกอบทั้งหมดวางอยู่บนตลับลูกปืนเซรามิกแบบ กลับด้าน (ซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงหลายรายชื่นชอบ) และตัวตลับลูกปืนวางอยู่บนตัวแท่นหมุนแผ่นเสียง (Platter) ที่ทำด้วยอะลูมิเนียม, สแตนเลส และบรอนซ์ นอกจากนี้ J.Sikora ยังได้ปรับปรุงโทนอาร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองให้ดีขึ้น โดยลดน้ำหนักและออกแบบตลับลูกปืนชนิดใหม่ที่ทำจากเซอร์โคเนียม ออกไซด์* (Zirconium Oxide) ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ โทนอาร์ม KV12 Max Zirconium Series

*เซอร์โคเนียม ออกไซด์ (ZrO2) หรือ เซอร์โคเนีย เป็นวัสดุเซรามิกขั้นสูงที่ใช้กันทั่วไปในการผลิตเซรามิกแข็งประเภทต่าง ๆ วัสดุนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตรากฟันเทียมประเภทต่างๆ เนื่องจากมีความแข็ง ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมี และมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพหลายประการ

คุณลักษณ์ Initial Line & KV12

ทั้งนี้ J.Sikora ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Initial Line” เมื่อไม่นานนี้เอง ซึ่งจัดเป็นผลิตภัณฑ์ในระดับเริ่มต้น หรือ Entry-Level ของแบรนด์ J.Sikora แต่ก็มั่นใจได้เต็มเปี่ยมว่า ยังให้ประสิทธิภาพระดับไฮ-เอนด์อย่างแท้จริง (สำหรับบางคน “Initial Line” อาจไม่สามารถเทียบได้กับประสิทธิภาพของ Standard Line ทว่าความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้น-น้อยกว่าความแตกต่างของราคาอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนกับความเหมาะสมของระดับการใช้งาน)

การออกแบบ Initial Line

Initial Line มีขนาดเล็กกว่ารุ่นพี่ที่ใหญ่กว่ามาก โดยกินพื้นที่บนชั้นวางน้อยกว่ามาก และน้ำหนักไม่มากถึง 85 กก. อย่างรุ่น Standard Line หรือมากกว่า 100 กก. อย่างรุ่น Reference แต่หนักเพียง “28 กก.” ถึงแม้ว่า จะมีน้ำหนักเบากว่ามาก แต่ยังคงเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงในประเภท Non-Suspended Mass-Loader เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ของ J.Sikora…จริงๆ แล้วต้องขอบอกว่า Initial Line มีรูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างน่าทึ่ง และ Initial Line ยังใช้องค์ประกอบบางอย่างที่เหมือนกับอุปกรณ์รุ่น Standard Line อีกด้วย

ฐานแท่นเครื่องของ Initial Line ประกอบด้วยแผ่นอะลูมิเนียมหนา (แต่ยังมีตัวเลือกสำหรับรุ่นที่มีราคาแพงกว่า ฐานของอุปกรณ์ประกอบด้วยวัสดุหลายชั้นที่มีความหนาแน่นแตกต่างกัน ซึ่งช่วยลดการสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น) ซึ่งในกรณีของ Initial Line ทาง J.Sikora ต้องหาวิธีลดต้นทุน เพื่อลดราคาลงมาให้ได้มากที่สุด โดยยึดเป้าหมายพื้นฐานคือ การไม่ทำให้คุณภาพเสียงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการตัดส่วนฐานของเครื่องเล่น (Cut-Outs In The Base Of The Deck) ซึ่งยังคงไว้ในการทำหน้าที่หลักได้ดีจริงๆ

สำหรับความเป็นรุ่นเริ่มต้น “Initial Line” มีมอเตอร์หนึ่งตัวที่เงียบสนิทขณะใช้งาน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้สายพานยางแบนสองเส้นส่งแรงฉุดสู่แพลตเตอร์โดยตรง ตัวมอเตอร์ขับหมุน, แบริ่งหลัก และตัวควบคุมความเร็วรอบหมุนระดับไฮ-เอนด์ให้ความเสถียรของความเร็วรอบหมุนที่ยอดเยี่ยม และเรียกได้ว่า แทบจะเหมือนกันทุกประการกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น Standard Line (แม้ว่า Standard Line จะใช้มอเตอร์สองตัว ไม่ใช่ตัวเดียวอย่าง Initial Line) มอเตอร์กำลังสูงที่สามารถเร่งความเร็วจนถึงรอบหมุนได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งแพลตเตอร์เครื่องเล่นแผ่นเสียงจะมีน้ำหนักมากนั้นเป็นฝีมือของ Janusz Sikora ซึ่งรักษาความเร็วที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ และหยุดทันทีเมื่อจำเป็น มอเตอร์ที่ว่านี้วางอยู่ในตัวเรือนโลหะแข็ง (Heavy Metal Housing) ซึ่งแข็งแรง และหนักพอตัว จัดวางอยู่บนแผ่นซิลิโคน 4 แผ่น เพื่อลดการสั่นสะเทือน

ตัวควบคุม (Controller) เป็นกล่องโลหะแยกต่างหากที่ทำขึ้นอย่างดี พร้อมจอแสดงผล (Display) ขนาดเล็กแต่ชัดเจน ซึ่งแสดงความเร็วที่เลือก และมีปุ่มกด 5 ปุ่ม ที่ให้ผู้ใช้เลือกความเร็วได้ 33 และ 45 รอบต่อนาที, หยุดการหมุน (Stop) และอีก 2 ปุ่ม (+/-) ช่วยให้ปรับความเร็วรอบหมุนได้อย่างแม่นยำ (หากจำเป็น) กล่องตัวควบคุมนี้ยังมีแผ่นซิลิโคน 4 แผ่น ที่ด้านล่างอีกด้วย ตัวเครื่องทั้งหมดวางอยู่บนฐานอะลูมิเนียม ซึ่งมีโพรงเล็กๆ ทรงโค้งครึ่งวงกลม (Semi-Round Cavities) อยู่ที่ปลายฐาน นั่นคือที่มาของลูกบอลเซรามิก (หนึ่งลูกในแต่ละฐาน) ซึ่งจะวางอยู่ในโพรงบนแผ่นอะลูมิเนียม

การออกแบบ KV12

ทั้งนี้บริษัท J.Sikora ไม่ได้ผลิตโทนอาร์ม หรือ หัวเข็มเล่นแผ่นเสียงเอง แต่ได้ร่วมงานกับผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงที่สุดรายหนึ่งในยุโรป อย่างบริษัท Kuzma ของสโลวีเนียมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่สำหรับโทนอาร์ม “KV12” เป็นฝีมือการรังสรรค์ของ J.Sikora ในลักษณะโทนอาร์มแบบ ท่อเรียว (Tube) ที่ทำจากเคฟลาร์ (Kevlar) ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะที่เบามาก แต่แข็งแกร่งสูง และแน่นอนว่า มีความทนทาน ทั้งยังไร้ซึ่งการกำทอน (Resonance) โดยได้รับการออกแบบเป็น จุดหมุนเดียว (Uni-Pivot)

…เคฟลาร์เป็นวัสดุที่ทอขึ้นจากเส้นใยคล้ายกับคาร์บอนไฟเบอร์ แม้ว่า เคมีของ ‘เส้นใย’ จะแตกต่างกัน และเรซินที่ใช้ก็แตกต่างกัน แต่จุดประสงค์ของ J.Sikora คือ เพื่อการสร้างโทนอาร์มที่มีรูปทรงความเป็นท่อที่แข็งมากเป็นพิเศษ ซึ่งมีมวลน้อยมาก

J.Sikora ออกแบบ “KV12” เป็นโทนอาร์มแบบ จุดหมุนเดียว หรือ Unipivot ที่มี Oil-Dampened ในตัว ขนาด 12 นิ้ว (มีความยาวจริง 304.8 มม. และน้ำหนักจริง 13 กรัม) การผลิตและการตกแต่งภายนอกนั้น ถือได้ว่า สมบูรณ์แบบ มีตัวยึดหัวเข็มเล่นแผ่นเสียง (Headshell) แบบแบน (Flat) ที่ทำจากโลหะ (Metal) พร้อมร่องยาว (Elongated Slots) ที่ให้ผู้ใช้เลื่อนปรับหัวเข็มได้ขณะตั้งค่า

ตัวท่อ (Tube) ทำจากเคฟลาร์ ซึ่งอาจพูดได้ว่า เป็นโทนอาร์มตัวแรกที่ใช้วัสดุชนิดนี้ รองรับด้วยชิ้นส่วนโลหะหลายชนิดที่ทำจากอะลูมิเนียม, เหล็กหล่อ, ทองสัมฤทธิ์ (Bronze) และสแตนเลส สายนำสัญญาณภายในโทนอาร์มเป็นแบบ Mono-Crystal Silver Wiring ที่ออกแบบพิเศษ โดยผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงอีกรายในโปแลนด์อย่าง Albedo เป็นสายไฟชิ้นเดียว ตั้งแต่ส่วนขั้วเสียบคาร์ทริดจ์ที่ปลายด้านหนึ่งไปจนถึงขั้วต่อ RCA ที่ปลายอีกด้านหนึ่ง

พร้อมด้วยการมีตุ้มถ่วงน้ำหนักแรงกดหัวเข็ม (Counterweights) สองอัน-อันหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า วางตำแหน่งไว้ใกล้จุดหมุน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับมุมอซิมุทได้ (โดยใช้สกรูตัวเดียวที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งขันเข้าหรือออกได้) และยังมีอีกอันที่ขนาดเล็กกว่า มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกโลหะที่มีรูเกลียวอยู่ตามแนวแกนที่ยาวกว่า ซึ่งการใช้การจัดตำแหน่งดังกล่าว ช่วยให้ปรับ VTF ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ในกล่องจะมีน้ำหนักถ่วงอีกอัน (เล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้ได้เลือกติดตั้งอันไหนไว้) ซึ่งอาจมีประโยชน์สำหรับหัวเข็มที่เบาหรือหนักกว่า นอกจากนี้ยังมีระบบ Anti-Skating ที่มีน้ำหนักเบามากบนเส้นใย (Thread) ที่สำคัญมีองค์ประกอบหนึ่งที่ใช้เวลานานมากในการพัฒนา และถือได้ว่า เป็นส่วนที่แพงที่สุดของโทนอาร์ม นั่นก็คือการปรับ VTA แบบ On-The-Fly กลไกทั้งหมดมีความซับซ้อนให้ความแม่นยำมาก และทำได้ยาก แต่ผลลัพธ์สุดท้ายนั้น-น่าทึ่งมาก

“KV12” ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และมีความยาว 12 นิ้ว เพื่อจำกัดข้อผิดพลาดในการเกาะร่องแผ่นเสียงที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของโทนอาร์ม/หัวเข็มไปตามตำแหน่งต่างๆ บนร่องแผ่นเสียงขณะที่กำลังเล่น ขณะเดียวกันก็สั้นพอที่จะมีสภาพโทนอาร์มมวลต่ำ (Low Mass) ที่ทำงานได้ดีกับหัวเข็มหลากหลายประเภท

สำหรับความเป็นโทนอาร์มแบบ Uni-Pivot มีจุดรับน้ำหนักเพียงจุดเดียว และมี ‘ถ้วย’ รองรับติดอยู่กับท่อโทนอาร์มที่สามารถหมุนรอบจุดหมุนได้ จุดประสงค์ของการนี้คือ การลดแรงเสียดทานให้เหลือน้อยที่สุด ดังนั้นจึงลดเสียงเสียดสีให้เหลือน้อยที่สุดนั่นเอง (เหลือแค่บนจุดหมุนเดียว) องค์ประกอบอีกอย่างหนึ่งที่ J.Sikora มีเป็นตัวเลือกไว้สำหรับ “Initial Line” ก็คือ การอัปเกรดที่เป็นตัวเลือกได้ ซึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถซื้อแผ่นแก้วรองแผ่นเสียง (Glass Mat), แคลมป์จับแผ่นเสียง (Record Clamp) และแหล่งจ่ายไฟคุณภาพสูงขึ้นได้ตามต้องการ

ผลการรับฟัง

การรับฟังครั้งนี้ รับฟังกันด้วยซิสเต็มที่คุณมนตรี-Montree Saowahawanichakij ได้จัดเตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพที่ Audio House Thailand (094-461-4152) อันประกอบด้วย J.Sikora : Initial Line+KV12 (Turntable+Tonearm) ; Accuphase : AC5 (MC Phono Cartridge) ; Accuphase : C47 (Phono Preamp) ; Accuphase : E-800 (Stereo Integrated Amp) ; Audio Physic : Codex II (Speakers)

…บอกได้เลยว่า “Initial Line+KV12+AC5” นำเสนอด้วยความแม่นยำสูง เสียงร้องของศิลปินฟังดูเป็นธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง วงออเคสตราที่บรรเลงน่าตะลึงด้วยพลังและโมเมนตัมของบทเพลงที่บรรเลง แม้ว่า วงออเคสตราจะมีพลังเต็มที่ “Initial Line+KV12+AC5” ก็ยังสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ ถึงพร้อมการบ่งบอกไดนามิก ความสดสะอาด ความสดใส โปร่งกระจ่าง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระดับเสียงรบกวนจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง (Initial Line+KV12) ที่ต่ำเป็นพิเศษ ทำให้สามารถนำเสนอได้อย่างละเอียด แม่นยำ และถึงพร้อมมาอย่างดี สิ่งที่สำคัญมากคือ เสียงทุกเสียงนั้นอุดมไปด้วยความอิ่มเอม และเอิบอิ่มอย่างน่าทึ่งในเวลาเดียวกัน เป็นเสียงที่เหมาะสม ไม่เกินจริง มีความแม่นยำที่ดี และยังให้การจางหาย-สลายตัวของปลายเสียงที่สมบูรณ์

“Initial Line+KV12+AC5” สามารถจะเจาะลึกเข้าไปในร่องเสียงบนแผ่นไวนิลที่คุณรับฟัง แล้วดึงเอาข้อมูลเสียงที่แม่นยำจำนวนมากออกมาให้คุณรับรู้ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการจำแนกความแตกต่างที่ละเอียดอ่อนของการเล่นเปียโนนี้นั้นได้ชนิดน่าทึ่ง!! นับเป็นประสบการณ์การรับฟังที่แสนวิเศษ รู้สึกสนุกสนานไปกับการเปรียบเทียบเวอร์ชันแผ่นเสียงโน่นนี่นั่น แล้วประหลาดใจกับความแตกต่างที่ได้รับฟัง ทำเอาเพลิดเพลินไปกับพลังเสียงอันสมจริงที่หลั่งไหลออกมาอย่างเต็มที่อย่างเกินความคาดหวัง พร้อมทั้งเสียงที่เปี่ยมในบรรยากาศการแสดงอีกด้วย

เฉพาะอย่างยิ่งการบันทึกสดที่เล่นด้วยเครื่องดนตรีอะคูสติก สามารถโชว์การสร้างเวทีเสียงได้ (ค่อนข้าง) สมจริง ให้การนำเสนอจากด้านหน้าไปด้านหลัง จากด้านซ้ายไปด้านขวาที่น่าประทับใจ (แผ่กว้างยิ่งกว่าระยะห่างระหว่างลำโพง) ความประทับใจในการนำเสนอที่มีความเสถียร และโฟกัสของเวทีเสียงที่เป็นธรรมชาติ แต่ละองค์ประกอบมีตำแหน่งแห่งที่ชัดเจนในปริมณฑลเสียง แต่ละองค์ประกอบมีโครงสร้างที่รับรู้ได้ราวสามมิติ สร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับเสียงดนตรีราวจับต้องได้ ทำให้รู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ทางดนตรีที่กำลังรับฟัง

“Initial Line+KV12+AC5” ทำให้เรา-ท่านสัมผัสได้ในมวลบรรยากาศรายรอบอันอบอวล-รายละเอียดเสียงต่างๆ ที่ให้ความมีตัวตน รวมไปถึงเรื่องของความถูกต้องของ Timbre ในเสียงแต่ละเสียง-การให้ความฉับพลันทันใดในน้ำหนักเสียงอย่างสมจริง แม้แต่ช่วงปลายหางเสียงอันแผ่วเบาที่ค่อยๆ จางหายไป (Decay)-ความกังวานทอดยาว และพละพลิ้วราวอณูเสียงของปลายเสียงสูงๆ ที่เปิดโปร่งอย่างมากๆ ล้วนเป็นความน่าประทับใจที่ทำให้คุณได้ “เข้าถึง” ห้วงอารมณ์เพลงที่รับฟังได้อย่างมีอรรถรสที่แตกต่างจากความคุ้นชิน ชักจูงให้เราหยิบจับแผ่นโน่นแผ่นนี้มาเปิดฟังต่อเนื่องกันอย่างเพลินใจ

จากการรับฟังผ่านแผ่นเพลงหลากหลาย “Initial Line+KV12+AC5” สามารถให้การรับรู้ถึงลักษณะมวลอากาศที่ห้อมล้อม อบอวล มีความกังวานเจือแทรกอยู่เสมอ เป็นลักษณะเสียงที่เรา-ท่านได้ยิน-ได้ฟังเสมือนจริงในธรรมชาติ-บ่งบอกสภาพบรรยากาศของโถงการแสดงหรือสถานที่ใช้บันทึกเสียงได้ชัดเจนมาก รับรู้ถึงสภาพเวทีเสียงกว้างขวาง มีระยะเว้นว่าง-ห่าง-ชิด ทั้งกว้าง-สูง-ลึก ‘ชนิดไม่ต้องหลับตาฟัง’ ชิ้นดนตรีไม่เบียดติดกัน จัดวางตำแหน่ง-แห่งที่ได้ดี มีความสมจริงในจินตภาพเสียง (Image) ตำแหน่งเสียงร้องแยกออกจากแนวตำแหน่งชิ้นดนตรีในวงเวทีเสียงชัดแจ้งมาก พร้อมด้วยความอบอุ่น มีชีวิตชีวาเป็นธรรมชาติ การออกอักขระเสียงชัดเจนทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมา เสียงไวโอลินให้ความเป็นตัวเป็นตน เสียงเปียโนก็กังวานน่าฟัง เสียงดับเบิล เบสนี่อิ่มแน่น ส่งเรี่ยวแรงปะทะ และน้ำหนักเสียง ทั้งยังทอดตัวลงไปลึกล้ำจริงๆ ทั้งยังให้รับฟังได้ถึงความก้องกังวานแว่วเป็นระลอกจากเสียงสะท้อนของสภาพอะคูสติกในห้องบันทึกเสียง ที่ให้ออกมาเป็นมวลบรรยากาศอบอวล เหมือนเรากำลังเข้าไปนั่งฟังสด ๆ ราวกับ ‘Live’ อยู่ต่อหน้าทีเดียวละครับ

เสียงดนตรีฟังดูมีเนื้อเสียง เข้มข้น มีแรงขับไดนามิกที่สมจริง เป็นไปตามท่วงท่าของบทเพลง บางครั้งก็ดุดัน ฉับไว บางครั้งก็อ่อนโยน นุ่มนวล นำพาสู่ห้วงอารมณ์การรับฟังได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงเครื่องเคาะมีความสดใส แผ่กว้าง ทรงพลัง มีชีวิตชีวา เสียงของเครื่องเป่าเปิดกว้างมาก เต็มไปด้วยอากาศ เรี่ยวแรง และพลัง เสียงนั้นบริสุทธิ์ สดใส และกระจ่างชัด บ่งบอกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สอดแทรกซึ่งบันทึกไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับว่านั่งฟังอยู่แถวหน้าของคลับเฮาส์

“Initial Line+KV12+AC5” สามารถให้การรับรู้ได้ในความอิ่มฉ่ำ มีน้ำมีนวลน่าฟังทั้งเสียงนักร้องและชิ้นดนตรี ทั้งประเภทดีด-สี-ตี-เป่า-เขย่า-เคาะ ฯลฯ เสียงต่างๆที่รับฟังรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของเสียงแต่ละเสียง แม้แต่ในช่วงปลายเสียงสูงๆ ทั้งยังเปี่ยมด้วยไดนามิก-ความฉับพลัน-ไหลลื่น เป็นเสียงที่มีชีวิตมีวิญญาณมีตัวตนกลมมน สมจริงมาก ทั้งยังมีรายละเอียดปลีกย่อยชัดเจน แม้เสียงที่แผ่วเบา สุ้มเสียงสดใส โปร่งกระจ่าง มีน้ำนวล เต็มอิ่มน่าฟัง ไม่คมกริบ จัดจ้าน ปลายเสียงเปิดกว้างมีความกังวาน  น้ำหนักเสียงโดยรวมดี มีความเอิบอิ่ม เป็นตัวเป็นตน ได้ฟังแล้วชื่นชอบมาก ๆ สำหรับรายละเอียดในเสียงร้องประสานที่สอดแทรกเข้ามา แยกได้เป็นคน ๆ ไปชัดเจนมาก

ยิ่งเป็นแผ่นที่มีคุณภาพการบันทึกเสียงดีๆ ด้วยละก้อ “Initial Line+KV12+AC5” ทำให้รู้สึกจมกลืนไปกับเพลงที่รับฟังด้วยมวลบรรยากาศอบอวล ราวกับว่า ดนตรีและคนร้องนั้นกำลังมาร้องและบรรเลงสดๆ อยู่ตรงหน้า มีระยะชัดลึก-ชัดตื้น รวมถึงความสดใส-ฉับพลันทันใดของไดนามิก กระทั่งเสียงเล็กๆ น้อยๆ สอดแทรกเป็นเกร็ดซ่อนไว้อย่างในธรรมชาติให้จับกัน พร้อมด้วย “ความกริ๊บ” (Crispy) ของเสียงเครื่องเป่าอย่าง ทรัมเป็ต (Trumpet), เฟรนช์ฮอร์น (French Horn), ทรอมโบน (Trombone) และทูบา (Tuba) ที่จะต้องมี “ความคม” กัดหูน้อยๆ เจือปนออกมาอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเครื่องเป่าทองเหลือง เสียงฉิ่ง-เสียงฉาบก็กระจ่างชัด และกังวานทอดยาวไกล ให้น้ำหนักเสียงอันสมจริง

ซึ่งการนำเสนอช่วงรายละเอียดต่างๆ อย่างเด่นชัด ควบคู่ความสงัดของเสียงนี่แหละครับ ที่ยอมรับว่า ทำให้ผมถือเป็น-ประเด็นเด็ด-สำหรับ “Initial Line+KV12” บอกกันตรงๆ ว่า นี่ขนาดได้ชื่อ “ระดับเริ่มต้น” ของ J.Sikora ยังสามารถในการถ่ายทอดความดราม่า และบรรยากาศของดนตรีที่รับฟังได้ขนาดนี้…ดังนั้น หากคุณมีโอกาส ลองสัมผัสด้วยตัวคุณเองละก้อ ขอบอกว่า ต้องห้ามพลาด  

สรุปส่งท้าย

บอกได้เลยว่า “Initial Line+KV12+AC5” สามารถทำให้เราได้รับรู้ถึง “ความเป็นตัวเป็นตน” ของเสียง รวมถึงสภาพอิมเมจ-ซาวด์สเตจที่มีมิติ มีตัวตน มีความมั่นคงนิ่งสนิท รวมไปถึงการจำแนกแยกแยะรายละเอียดต่าง ๆ (ภายใต้ความสงัดของเสียงอันน่าทึ่ง) ทั้งยังทำให้เราได้เข้าถึงซึ่งความสมจริงแห่งเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง เรี่ยวแรงปะทะ ความฉับพลันทันใด รวมทั้งน้ำหนักเสียงอย่างครบถ้วน ทั้งยังให้สรรพเสียงที่มีห้วงอารมณ์ความรู้สึกของดนตรี รวมถึงความเป็นธรรมชาติของเสียงแต่ละเสียงที่บังเกิดขึ้นมาอย่างฉับไวมีชีวิตชีวา สามารถจับตำแหน่งการแยกแยะแถว-ชั้นของเสียง พร้อมด้วยความโปร่งโล่งในมวลบรรยากาศ สารพัดเสียงสอดแทรกต่าง ๆ ที่ถือเป็นรายละเอียดก็สดใส กระจ่างมาก และให้ทิศทางที่มาของเสียงนั้น ๆ อย่างแจ่มชัด ฟังจับรายละเอียดเสียงต่าง ๆ ได้กระจ่างแจ้ง ช่วงย่านเสียงสูง ๆ ก็เปิดโปร่ง พร้อมด้วยน้ำหนักเสียง (มิใช่เปิดโปร่งแต่เบาโหวงเหวง) รวมถึงปลายหางเสียงที่ทอดยาวในขณะค่อย ๆ จางหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ

INITIAL LINE

Technical Specifications

• Total weight [kg] : 28

• Platter weight [kg] : 4

• Platter material : Delrin®

• Material : aluminium, inox, cast iron

• Bearing type : ceramic ball-inverted

• Motor [pcs] : 1 DC

• Belt : rubber

• Rotation speed [rpm] : 33 ; 45

• No. of tonearms : 1

• Armboard : yes

• Clamp : optional

• Glass mat : optional

• Power supply : optional

• Dimensions [mm] : 440×330×160

• Available colours : silver/black

KV12 TONEARM

Technical Specifications

• Bearing Type : unipivot

• Material : Kevlar®, aluminium, bronze, cast iron, stainless steel

• Oil Damping : yes

• Tube : conical (Kevlar®)

• VTA Adjustment : yes

• Azimuth : yes

• Mass : 890 g

• VTA Mass : 225 g

• Effective Length : 304,8 mm

• Mounting Distance : 291 mm

• Effective Mass : 13 g

• Available Colours : natural yellow/lacquered black mat

ขอขอบคุณ : Audio House Thailand (คุณมนตรี 094-461-4152) สำหรับอนุเคราะห์การรับฟัง J.Sikora : Initial Line+KV12 ในครั้งนี้ครับ

___________________________