Audio Bastion : Black Point & Target Base Isolation Damper

0

Audio Bastion ตั้งอยู่ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ออกแบบชั้นวางลำโพง, ชั้นวางเครื่องเสียง Hi-Fi และอุปกรณ์เสริมคุณภาพสูง ซึ่งต้องใช้งานได้จริง ไม่ส่งเสียงใด ๆ ในตัวตน (Sonically Dead) และสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากอุปกรณ์ที่รองรับได้อย่างดี ภายใต้การออกแบบอันเรียบง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากในวงการ สำหรับชั้นวางชุดเครื่องเสียงอันยอดเยี่ยมที่ผสมผสานการใช้งานเข้ากับรูปลักษณ์ที่สวยงามได้อย่างลงตัวอีกด้วย รวมถึงกำลังจะมีผลิตภัณฑ์ในส่วนของสายไฟเข้าเครื่อง (Power Cord) และสายเชื่อมต่อต่างๆ (Cables) วางตลาดในเร็ว ๆ นี้ ที่สำคัญ Audio Bastion ตั้งราคาจำหน่ายไว้น่าสนใจอยู่ในระดับที่เหมาะสม แตกต่างจากคู่แข่งหลายรายที่จำหน่ายสินค้าที่มีลักษณะเป็นอุตสาหกรรม (Industrial-Looking Goods) จึงมีราคาแพง

สำหรับประเทศไทย Audio House Thailand (โทร. 094-461-4152) เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย Audio Bastion อย่างเป็นทางการ และแน่นอนว่า ระดับราคาในแต่ละผลิตภัณฑ์ก็ได้กำหนดไว้ย่อมเยาจริง ๆ ครับ ทั้งนี้อุปกรณ์เสริมคุณภาพสูงของ Audio Bastion มีอยู่หลากหลายให้ได้เลือกใช้งาน ซึ่งโดยส่วนตัว ได้เคยใช้งานจริง จนสร้างความประทับใจกับ BLACK POINT และ TARGET BASE เป็นอันมาก จึงขอนำมาสาธยายเป็นรีวิวสู่กัน…

ซึ่งทั้ง BLACK POINT และ TARGET BASE จัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Isolation Damper เพื่อทำหน้าที่ยับยั้ง / สลายแรงสั่นสะเทือนทั้งหลายให้หายสูญไป ไม่ส่งผลลดทอนสมรรถนะการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มี BLACK POINT และ/หรือ TARGET BASE รองรับอยู่

ในความเป็นจริงนั้น BLACK POINT กับ TARGET BASE สามารถที่จะใช้งานแยกกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้งานควบคู่กัน ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ทางเสียงที่รับฟังว่า เมื่อใช้งาน BLACK POINT แล้วไซร้ พึงพอใจ-หรือไม่ เพราะว่า การมี TARGET BASE เพิ่มเติมเข้ามา ทำหน้าที่รองรับ BLACK POINT อีกชั้นหนึ่งนั้น ให้ผลลัพธ์ทางเสียงที่ต่างออกไปจากการมีแค่ BLACK POINT ใช้งานอยู่จริง ๆ

ทั้งนี้ โดยปกตินั้น BLACK POINT กับ TARGET BASE ได้รับการออกแบบใช้งานในลักษณะของการวางรองรับอุปกรณ์เครื่องเสียง เพื่อยับยั้ง/สลายแรงสั่นสะเทือนทุกรูปแบบ มิให้ส่งผลลดทอนสมรรถนะการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มี BLACK POINT และ/หรือ TARGET BASE รองรับอยู่ เนื่องเพราะทั้ง BLACK POINT และ TARGET BASE นั้น สามารถรองรับแรงกดจากน้ำหนักของอุปกรณ์เครื่องเสียงได้มากถึง 20 กก. ต่อชุด (4 ชิ้น) ซึ่งเหมาะสมกับการนำไปวางรองอุปกรณ์เครื่องเล่นซีดี-ปรีแอมป์ หรือ เพาเวอร์แอมป์/อินทิเกรตแอมป์ขนาดเล็ก-ขนาดกลาง

อันว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้น ล้วนแต่อ่อนไหวต่อแรงสั่นสะเทือน หรือ Vibration ด้วยกันทั้งสิ้น เนื่องจาก “แรงสั่นสะเทือน” นั้นสามารถก่อให้เกิดอาการ “ไมโครโฟนี” (Microphony) ทั้งนี้การใช้คำนาม “Microphony” เป็นครั้งแรกสุดคือ ในช่วงปี ค.ศ.1930 เพื่ออธิบายถึงสัญญาณไม่พึงประสงค์ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (เฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์เครื่องหลอดฯ) ที่เกิดจากการสั่นสะเทือน โดยเป็นที่ทราบกันในหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุด สำหรับการปรากฏคำว่า Microphony ของ OED มาจากงานเขียนของ Frederick James Camm (ซึ่งเป็นนักเขียนด้านเทคนิค และบรรณาธิการนิตยสารชาวอังกฤษ) ในปี ค.ศ.1934

ทั้งนี้ Microphonics, Microphony หรือ Microphonism เป็นคำอธิบายปรากฏการณ์ที่ส่วนประกอบบางส่วนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เปลี่ยนการสั่นสะเทือนทางกลเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่ไม่พึงประสงค์ (สัญญาณรบกวน) คำนี้มาจากการเปรียบเทียบกับไมโครโฟน ซึ่งออกแบบมาโดยตั้งใจให้แปลงการสั่นสะเทือนเป็นสัญญาณไฟฟ้า

แม้ว่า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นแบบ Solid-State (ทรานซิสเตอร์) จะสามารถกำจัด หรือ ลดทอนอาการไมโครโฟนี แต่บางทีก็พบว่า ‘ยังคงมีอยู่’ ในส่วนของตัวเก็บประจุที่มีค่า K สูง ซึ่งเป็น Piezoelectric และแปลงการสั่นสะเทือนทางกลเป็นแรงดันไฟฟ้าโดยตรง ในลักษณะเดียวกับ Ceramic หรือ Piezoelectric Microphone อีกทั้งตัวเก็บประจุแบบฟิล์ม (Film Capacitors) ที่ใช้สารไดอิเล็กทริกแบบอ่อน (Soft Dielectric Materials) ยังสามารถเป็นไมโครโฟนิกส์ได้ เนื่องจากพลังงานการสั่นสะเทือนที่เคลื่อนย้ายแผ่นของตัวเก็บประจุทางกายภาพ ในทำนองเดียวกัน ตัวเก็บประจุแบบ แปรผัน (Variable Capacitors) ที่ใช้อากาศเป็นไดอิเล็กทริกก็เสี่ยงต่อการสั่นสะเทือน (ตัวเพลตที่ขยับปรับค่าได้)

สายไฟ, สายเคเบิล และแม้แต่แผงวงจร (PCB) ยังสามารถแสดงอาการไมโครโฟนิกส์ได้ เมื่อตัวนำที่มีประจุเคลื่อนที่ และวัสดุต่างๆ สามารถพัฒนาประจุไตรโบอิเล็กทริก (Triboelectric Charge-ไฟฟ้าสถิตย์ชนิดหนึ่ง) ที่จับคู่กันกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์

“ไมโครโฟนี” จึงเป็นสิ่งที่ต้องกำจัด หรือ ป้องกันมิให้เกิดขึ้น ซึ่งทั้ง BLACK POINT และ TARGET BASE จัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Isolation Damper ทำหน้าที่ยับยั้ง/สลายแรงสั่นสะเทือนทั้งหลายให้หายสูญไป ไม่ส่งผลลดทอนสมรรถนะการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มี BLACK POINT และ/หรือ TARGET BASE รองรับอยู่ จึงหมดปัญหาในเรื่องของไมโครโฟนี ช่วยให้อุปกรณ์เครื่องเสียงทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ อุปกรณ์เครื่องเสียงยังมีส่วนที่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในตัวเอง จากส่วนที่เป็นหม้อแปลงไฟ (Transformers) ซึ่งหนีไม่พ้นที่จะต้องมีแรงสั่นสะเทือนในขณะใช้งาน ไม่มากก็น้อย อีกทั้งอุปกรณ์เครื่องเสียงบางประเภทอย่างเช่น เครื่องเล่นซีดี และเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่จะมีส่วนเคลื่อนไหว (Moving Parts) ในขณะใช้งาน เป็นตัวก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในตัวเอง ไม่มากก็น้อยด้วยเช่นกัน

การใช้ BLACK POINT และ/หรือ TARGET BASE จึงช่วยให้เกิดผลดีต่อการรับฟัง เพราะแรงสั่นสะเทือนในตัวเองได้ถูกยับยั้ง หรือ สลายไปจึงไม่ส่งผลลดทอนสมรรถนะการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ Audio Bastion ระบุว่า BLACK POINT และ TARGET BASE มีโครงสร้างภายนอกที่ขึ้นรูปจาก Aluminium/Zirconia* เรียกได้ว่า โครงสร้างภายนอกมีความแข็งแรงมาก ๆ สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีอะลูมิเนียมที่ช่วยยับยั้งการส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนในลักษณะของ Dampening ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่ได้บอกกล่าวไว้ตอนต้นว่า BLACK POINT และ TARGET BASE ล้วนได้รับการออกแบบมาให้ใช้วางรองใต้อุปกรณ์เครื่องเสียง เพื่อรับน้ำหนักอุปกรณ์เครื่องเสียงได้เป็นอย่างดี ในรูปแบบของทิปโท (Tip Toe) นั่นแล ทว่าในมุมมองของผม กลับเพ่งเล็งไปที่ “ส่วนปลาย” ของ BLACK POINT ที่มิได้แหลมเปี๊ยบอย่างสไปค์หรือทิปโททั่วไป หากแต่มีลักษณะ ‘ปลายมน’ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการจิกเข้าไปในพื้นผิวของวัสดุที่มากดทับส่วนปลาย (แม้จะเล็กน้อยก็ตาม)

ดังนั้นในทางฟิสิกส์ ส่วน ‘ปลายมน’ นี้จึงก่อให้เกิดลักษณะ “ให้ตัวได้” (นิดหน่อย) บนพื้นผิวของวัสดุที่มากดทับส่วนปลายมนดังกล่าว คล้าย ๆ กับว่า อุปกรณ์เครื่องเสียงนั้น ๆ ยังสามารถ “ขยับตัว” ได้เล็ก ๆ เฉกเช่นทำนองอาคารที่เคลื่อนตัวได้บ้าง ในเวลาที่เจอกับคลื่นสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว

ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวของการทดลองใช้ทิปโทที่กลึงขึ้นรูปด้วยวัสดุต่าง ๆ ทั้งจากไม้ (ไม้เนื้อแข็ง-ไม้เนื้ออ่อน-ไม้อัด) ; โลหะ (สแตนเลส-อะลูมิเนียม-ทองเหลือง-ทองแดง) ; อโลหะ (หินอ่อน-หินชนวน-หินดินดาน-หินแกรนิต-เซรามิก) ล้วนให้ผลลัพธ์ทางเสียงจากการรับฟังที่สอดคล้องต้องกัน ในทำนองว่า ถ้าส่วนปลายทิปโทมีความแหลม ลักษณะเสียงที่รับฟังจะรับรู้ได้ถึงความคมชัด สดสะอาด ฉับไว ทว่าสภาพบรรยากาศ (Atmosphere) หรือมวลอากาศ (Airy) ของสถานที่นั้น-จะรับรู้ได้ลดน้อยถอยลง ในขณะที่ ถ้าหากส่วนปลายทิปโทมีความมน ลักษณะเสียงที่รับฟังจะรับรู้ได้ถึงความกลมกล่อม อ่อนละมุน คงไว้ซึ่งความมีน้ำนวลของเสียง แม้ว่าความคมชัดจะน้อยลง ทว่าจะได้มาซึ่งการรับรู้ถึงสภาพบรรยากาศที่อบอวล ให้อารมณ์ร่วมในบทเพลงที่รับฟัง

ดังนั้น โดยส่วนตัวจะ ‘ถูกจริต’ กับทิปโทที่ส่วนปลายมีความกลมมนมากกว่าปลายแหลมคม ซึ่งเมื่อผมได้นำ BLACK POINT และ TARGET BASE มาใช้งานจริง ทั้งด้วยการวางรองใต้อุปกรณ์เครื่องเสียง และการวางรองใต้ฐานตู้ลำโพง (ในห้องกิจกรรม 822 เมื่อครั้งจัดงาน BIAV SHOW 2024 ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ พระราม 3) ก็ได้รับรู้ถึงผลลัพธ์ทางเสียงที่น่าประทับใจ…ซึ่งเมื่อโอกาสมาถึง จึงติดต่อไปยังคุณมนตรี (Montree Saowahawanichakij) แห่งสำนัก Audio House Thailand เพื่อขอยืมทั้ง BLACK POINT และ TARGET BASE มาทดลองฟังจริง ๆ จัง ๆ อีกครั้ง

ซึ่งแน่นอนว่า ครั้งนี้ จะได้ลองใช้งานกับลำโพงวางขาตั้งหลายๆ รุ่นที่ What Hi-Fi? Thailand มีประจำการอยู่ <Polk Audio : Reserve R100 ; Monitor Audio : Silver 100 7G ‘Limited Edition’ และ Rogers : LS3/5A (11 โอห์ม)> เพื่อดูว่า แต่ละลำโพงจะส่งมอบผลลัพธ์ทางเสียงออกมาเป็นเยี่ยงไร ‘เมื่อมี’ และ ‘ไม่มี’ BLACK POINT และ TARGET BASE วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพง

ทั้งนี้ ตำแหน่งการวางรอง BLACK POINT และ TARGET BASE ไว้ใต้ตู้ลำโพงแต่ละคู่นั้น ผมจะวางแบบ 3 จุด-หน้า 2-หลัง 1 เพื่อให้เกิดจุดศูนย์ถ่วงที่ทิ้งตัวลงตรงตำแหน่งระหว่างสามเส้าพอดี โดยที่ผมจะขยับการปรับระยะสูง-ต่ำของ BLACK POINT เพื่อให้ลำโพงแต่ละตู้อยู่ในระนาบแท้จริง อ้างอิงจากตัววัดระดับน้ำ

ผลลัพธ์ทางเสียง

#เริ่มแรกจากการใช้เฉพาะ BLACK POINT ก่อนนะครับ (ยังไม่วาง TARGET BASE เสริม)…ตอนที่-ไม่มี-BLACK POINT วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพง “Polk Audio : Reserve R100” ก็ส่งมอบเสียงที่เปี่ยมด้วยความแม่นยำ ให้ความมีชีวิตชีวา ควบคู่ความฉับไว เป็นน้ำเสียงที่ผสมผสานกลืนกัน มิได้โดดเด่น หรือ ล้ำหน้าในช่วงย่านเสียงใด “ความมีชีวิตชีวา” นั้นให้ความชุ่มฉ่ำ มีเนื้อมีหนังในสรรพเสียงดนตรี ให้การแยกแยะรายละเอียดออกจากเสียงพื้นหลัง (Background) ทั้งยังสร้างความรู้สึกถึงความลึกของเวทีเสียงที่น่าประทับใจ

แต่เมื่อ-มี-BLACK POINT วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพงนั้น เจ้า Reserve R100 ได้ให้บุคลิกเสียงกลางที่อบอุ่นนุ่มนวล ฉ่ำชุ่ม มีเนื้อมีหนังน่าฟัง มีความละเมียดละไมในช่วงย่านเสียงกลาง แฝงความทรงพลัง และรวดเร็วฉับไว เสียงฉาบใหญ่ (Cymbal) รับรู้ได้ถึงความแวววาวส่องประกาย แกว่งไกว รายละเอียดรับรู้ราวกับจับต้องได้ ทั้งยังให้ความกระชับ ควบคุมได้ดี และมีระดับเสียงที่ชัดเจน-แม่นยำ พร้อมด้วยความกลมกลืนกัน

…เป็นความกลมกลืนกัน ที่รับรู้ได้ถึงความสอดคล้องต้องกันของไดรเวอร์ 2-ทาง ที่ทำงานร่วมกันได้ดีมาก เป็นการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงระหว่างทวีตเตอร์และตัวเบส/มิดเรนจ์อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน ตอบสนองต่อสัญญาณฉับพลัน (Transient) ได้น่าประทับใจยิ่งนัก รวมไปถึงเสียงเบสที่ทรงพลังอย่างน่าพอใจ

สำหรับลำโพง Monitor Audio : Silver 100 7G ‘Limited Edition’ ซึ่งแม้ในตอนที่-ไม่มี-BLACK POINT วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพง ก็ให้ความเข้มข้นของเสียงเบส ความอิ่มเอิบของเสียงกลาง ความพละพลิ้วกังวานทอดยาวของเสียงสูง รวมถึงเรื่องของรายละเอียดเสียง และสภาพเวทีเสียงได้อย่างน่าประทับใจ

แต่เมื่อ-มี-BLACK POINT วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพงนั้น เจ้า Silver 100 7G ‘Limited Edition’ ก็ให้ผลการรับฟังในแบบที่ถือได้ว่า ‘ครบเครื่อง’ ยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องความเข้มข้นของเสียงเบส เนื้อหนังของช่วงเสียงกลาง ความสดใส-แจ่มกระจ่างของย่านเสียงสูง รวมถึงเรื่องรายละเอียดยิบย่อยของเสียง และไดนามิก-ความฉับพลันทันใด ส่วนในด้านสภาพเวทีเสียงนั้น รับรู้ว่า ค่อนข้างจะออกมาในทางขยับเดินหน้าเข้ามาหาผู้ฟัง (Forward) มากกว่าที่จะ Laidback (ถอยหลังลึกเข้าไปหลังแนวตั้งวางลำโพง) อย่างตอนที่-ไม่มี-BLACK POINT วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพง

…มาถึงลำโพง Rogers : LS3/5A (11 โอห์ม) กันละนะครับ ในตอนที่-ไม่มี-BLACK POINT วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพง ก็ให้ผลการรับฟังไปในทางอิ่มเอิบ นวลเนียน พละพลิ้ว ไดนามิกฉับไว โดยเฉพาะช่วงย่านเสียงร้อง (Vocal) ที่มีเนื้อมีหนัง อิ่มเอิบ เสียงกลางหนา ให้ความผ่อนคลาย แต่ว่ามิได้อืดอาด แช่มช้า

แต่เมื่อ-มี-BLACK POINT วางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพงนั้น เจ้า Rogers : LS3/5A (11 โอห์ม) เปี่ยมด้วยความฉับไว สดใส โปร่งกระจ่าง ไม่แช่มช้า เนิบนาบ เพียบพร้อมทั้งน้ำหนัก-แรงกระแทกกระทั้น และยังรับรู้ถึงการตอบสนองความถี่เสียงต่ำที่ลงไปได้ลึกล้ำขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันการนำเสนอรายละเอียดก็พละพลิ้ว เด่นชัด ทั้งยังน่าประทับใจกับระยะชัดลึก-ชัดตื้น จำแนกเป็นแถวเป็นชั้นเข้าไปหลังแนวตั้งวางลำโพง โดยไม่มีเสียงใดที่โผล่เลยล้ำหน้าตำแหน่งตั้งวางลำโพงออกมา ทั้งหมดนั้นเป็นสรรพคุณที่ BLACK POINT ส่งผลให้ทั้ง Reserve R100 ; Silver 100 7G ‘Limited Edition’ และ LS3/5A (11 โอห์ม) สำแดงสมรรถนะแห่งตนออกมา-ไปในทางบวก-เมื่อวางรองอยู่ใต้ตู้ลำโพงคู่นั้น ๆ …จากนี้ไป จะเป็นสมรรถนะทางเสียงของแต่ละลำโพง หลังจากวาง TARGET BASE เสริมเข้าไปกับ BLACK POINT ละนะครับ ดูซิว่า ลำโพงแต่ละคู่จะสำแดงสมรรถนะแห่งตนออกมาเป็นอย่างไร เปลี่ยนไปในทาง-บวก หรือว่า ลบ

เพราะว่า โครงสร้างโดยรวมของ TARGET BASE นั้น นอกจากจะมีตัวเรือนภายนอกที่แข็งแกร่งด้วยวัสดุ Aluminum Alloy แล้วนั้น ส่วนประกอบภายในยังมี “ลูกกลม” เล็กจิ๋วที่ทำจากวัสดุเซรามิก (Ceramic Balls) จำนวน 6 ลูก ซึ่งมีซิลิโคนห่อหุ้มโดยรอบบรรจุอยู่ ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักอุปกรณ์เครื่องเสียง พร้อมกับตัดขาดแรงสั่นสะเทือน มิให้ส่งผลกระทบต่อสภาวะการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียงไปในตัว

ซึ่งถ้าลองวิเคราะห์ถึงหลักการออกแบบของ BLACK POINT และ TARGET BASE จะพบว่า BLACK POINT ได้รับการออกแบบไว้ในลักษณะที่พร้อมแบกรับแรงกดจากน้ำหนักของอุปกรณ์เครื่องเสียง แล้วกั้นกรองแรงกระทำจากความสั่นสะเทือนไว้ ในรูปแบบของทิปโท (Tiptoe) ที่ให้ความแตกต่างจากใครๆ ที่ “ส่วนปลาย” ของ BLACK POINT จะมีลักษณะ ‘ปลายมน’ ซึ่งก่อผลดีที่ไม่เกิดการเสียหายต่อพื้นผิวของวัสดุที่มากดทับส่วนปลาย (อย่างที่มักเกิดขึ้นกับทิปโทปลายแหลมเปี๊ยบ) ในขณะที่ TARGET BASE ได้รับการออกแบบไว้ในลักษณะที่กระจายแรงกดจากน้ำหนักของอุปกรณ์เครื่องเสียงซึ่งส่งผ่านมาจาก BLACK POINT พร้อมๆ กับกั้นกรองแรงกระทำจากความสั่นสะเทือนไว้ด้วยวัสดุซิลิโคน และลูกกลมเซรามิก (ทั้ง 6 ลูก) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า BLACK POINT และ TARGET BASE ทำหน้าที่เอื้อต่อกัน แต่กระนั้น BLACK POINT ก็มีภาระหน้าที่ที่สำคัญกว่า TARGET BASE (TARGET BASE ทำหน้าที่เป็นตัวส่งเสริมศักยภาพของ BLACK POINT)

ซึ่งการทำหน้าที่ที่ “เอื้อต่อกัน” ของ BLACK POINT และ TARGET BASE นี่เองที่ส่งผลให้การใช้งาน TARGET BASE เมื่อเสริมเข้าไปกับ BLACK POINT แล้วได้มาซึ่งผลลัพธ์ทางเสียงที่ดียิ่งขึ้นไปอีก…รับรู้ได้เลยว่า ทั้ง Reserve R100 ; Silver 100 7G ‘Limited Edition’ และ LS3/5A (11 โอห์ม) สำแดงสมรรถนะแห่งตนของแต่ละคู่ออกมาทางฮาร์โมนิกเสียงที่มีความอิ่มฉ่ำ มีความเป็นตัวเป็นตน รวมถึงความมีชีวิตชีวาในน้ำเสียงอย่างน่าฟัง ทำเอาเคลิบเคลิ้มไปกับสรรพเสียงที่รับฟังจากลำโพงแต่ละคู่

นอกจากนี้ TARGET BASE ยังดูเหมือนทำให้เรารู้สึกได้ถึง “ละอองอณู” ของปลายหางเสียงสูงที่พละพลิ้ว และทอดยาวขึ้น รวมถึงในส่วนของอาการค่อยๆ จางหายไปของปลายเสียง หรือ Decay Time ก็รับรู้ได้แจ่มชัดขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้สุ้มเสียงโดยรวมจะฟังดูสดสะอาด แจ่มกระจ่าง ไหลระรื่นกว่าตอนที่ไม่ได้ใช้ BLACK POINT+ TARGET BASE

สรุปส่งท้าย

การใช้ BLACK POINT+TARGET BASE ควบคู่กันนั้น พูดได้ราวกับว่า ลำโพงที่รับฟังได้รับการปลดปล่อยพันธนาการทางเสียง เปิดเผยสมรรถนะทางเสียงได้อย่างสมจริงสมจัง ให้ความครบถ้วนทั้งพลัง (Power) ไดนามิกอันฉับพลัน และความไหลลื่นอันเฉียบคม (Crispy Sound) โดยไร้ซึ่งอาการขึ้นขอบแข็งกร้าว หรือว่าหยาบกร้านระคายหู ให้การรับรู้ถึงความแจ่มชัด และความสดสะอาดของเสียง

เปิดเผยความกระจ่างสดใสในช่วงย่านเสียงสูง พร้อมด้วยหางเสียงที่ทอดตัวยาวไกลอย่างสมจริง ช่วงย่านเสียงกลางที่จำแนก-แยกแยะรายละเอียดได้ดี มีความกระชับ จับจังหวะจะโคนของเสียงความถี่ต่ำดียิ่งขึ้น ให้การแยกแยะแถว/ชั้นของเสียง บ่งบอกตำแหน่งแห่งที่ของเสียงที่เกิดขึ้นได้ชัดขึ้น ยิ่งรับฟังจากแหล่งสัญญาณที่ได้รับการบันทึกเสียงดีๆ ก็ยิ่งทำให้รับรู้ได้ในสภาพเสียงแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นละอองอณูกระจายตัว รับรู้ถึงความพละพลิ้ว อิ่มเอิบ เปล่งปลั่งของเสียงดนตรีต่างๆ ได้อย่างน่าฟัง ไม่ว่าคุณจะรับฟังในระดับความดังปกติ หรือเร่งเสียงให้ดังกว่าปกติก็ตาม

*Zirconia (เซอร์คอเนีย) เป็นสสารที่หนาแน่น จากค่าความถ่วงจำเพาะระหว่าง 5.6 ถึง 6.0 ต่างจากเพชรเพียง 1.6 คุณสมบัติที่สำคัญอีอย่างหนึ่งคือค่อนข้างแข็ง ความแข็งตามโมส์สเกลคือ 8 ซึ่งแข็งมากกว่าอัญมณีธรรมชาติอื่นๆ ค่าดัชนีหักเหมีค่าสูงอยู่ในช่วง 2.15-2.18 (เมื่อเปรียบเทียบกับเพชร ซึ่งมีค่าดัชนีหักเห 2.42) และวาวแบบเพชร การกระเจิงแสงได้สูงอยูที่ 0.058-0.066 มากกว่าค่าของเพชรมากๆ (0.044) เซอร์คอเนียไม่มีแนวแตกเรียบ (Cleavage) และแสดงรอยแตกแบบก้นหอย เนื่องจากมีความแข็งมากทำให้แตกเปราะ ภายใต้แสงอัตราไวโอเลตที่เป็นคลื่นสั้น เซอร์คอเนียจะเรืองแสงมีเหลือง, เหลืองอมเขียว หรือ สีน้ำตาลอ่อน หินสีอาจแสดงสเปกตรัมการดูดกลืนธาตุที่พบยากบนพื้นผิวโลกที่มีความซับซ้อนและชัดเจน

ขอขอบคุณ : Audio House Thailand โทร. 094-461-4152 ที่เอื้อเฟื้อ BLACK POINT และ TARGET BASE จาก Audio Bastion ในการรีวิวครั้ง

_________________________