รีวิว Unison Research MAX MINI ลำโพงบุ๊คเชลฟ์

0

Mongkol Oumroengsri

Unison Research เป็นที่รู้จักกันดีในด้านโซลูชันอิเล็กทรอนิกส์ชั้นยอดของอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโดดเด่นในเรื่องของแอมปลิฟายเออร์ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องเล่นซีดีด้วย แอมปลิฟายเออร์ของ Unison Research ดูจะให้ความสำคัญกับทางด้านแอมป์หลอดเป็นตัวหลัก ซึ่งก็มีออกมาครบไลน์ตั้งแต่ integrated stereo amplifiers, preamplifiers, power amplifiers และแม้กระทั่ง phono pre-amplifiers

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน Unison Research ยังได้ขยายไลน์การผลิตไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางด้านลำโพง (Speakers) ด้วย ซึ่ง Unison Research ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทาง Opera Loudspeakers โดยมีอยู่ด้วยกัน 2 ซีรี่ส์หลัก คือ Malibran กับ Max ทั้งนี้ทั้งนั้นซีรี่ส์ Max นับเป็นระบบลำโพงที่มีความโดดเด่นอย่างมากในความเป็นลำโพงแบบ ฮอร์น (HORN) ซึ่ง Unison Research มุ่งเน้นให้มีความเหมาะสม-ลงตัว (matching) กับการใช้งานร่วมกับแอมป์หลอด (แต่ก็มีสวิทช์ให้ผู้ใช้ได้กดเลือก เมื่อนำไปใช้งานร่วมกับแอมป์โซลิด-สเตท)

Unison Research ได้เคยออกผลิตภัณฑ์ในซีรี่ส์ Max มาแล้ว 2 รุ่นด้วยกัน คือ MAX 1 และ MAX 2 ซึ่งทั้งคู่ล้วนเป็นระบบลำโพงฮอร์นแบบตั้งวางพื้นขนาดใหญ่ที่ใช้วูฟเฟอร์ 15 และ 12 นิ้วตามลำดับ แต่สำหรับ “MAX MINI” นี่คือ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของซีรี่ส์ Max เพื่อสนองต่อความต้องการสำหรับผู้ฟังที่มิได้มีห้องขนาดใหญ่ที่จะรองรับ MAX 1 หรือ MAX 2 แต่เหมาะเจาะได้กับ MAX MINI เนื่องเพราะ “MAX MINI” ได้รับการออกแบบมาเป็นลำโพงแบบวางหิ้ง ที่เสมือนย่อส่วนจาก MAX 2 ให้เล็กลงมานั่นเอง

คุณลักษณ์

“MAX MINI” เป็นรุ่นที่เล็กที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรี่ส์ Max ของ Unison Research และยังคงได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้เข้ากับแอมปลิฟายเออร์หลอด ด้วยการกำหนดค่าสเปคฯทั้งความไวเสียงและอิมพีแดนซ์ของ MAX MINI ให้เหมาะสมตามประสิทธิภาพของแอมปลิฟายเออร์หลอด (เฉพาะอย่างยิ่งกับของ Unison Research เอง) กระนั้นลำโพงนี้ ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับแอมปลิฟายเออร์โซลิด-สเตทได้อย่างลงตัว ด้วยการมีสวิทช์โยกติดตั้งอยู่บนแผงด้านหลังตัวตู้ลำโพง (และยังได้รับการออกแบบใช้เป็นช่องสัญญาณด้านหน้าและ/หรือด้านหลังในระบบโฮมเธียเตอร์ได้อีกด้วย)

“MAX MINI” เป็นลำโพงตั้งวางขาตั้งขนาดกะทัดรัด ระบบตู้เปิด (bass reflex) แบบ 2-ทาง โดยมีท่อเปิด (port) ติดตั้งด้านหน้าจำนวน 2 พอร์ต วูฟเฟอร์ทรงกรวยตรงขนาด 8 นิ้วที่ผลิตในอิตาลี ซึ่งขึ้นรูปจากเส้นใยพืชและเส้นใยคาร์บอนผสมพิเศษ พร้อมด้วยวอยซ์คอยล์ 2 ชั้น (พันด้านในและพับด้านนอก) พันบนแกนอลูมิเนียมโดยใช้ลวดอลูมิเนียมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 51 มม. ทั้งนี้ยังติดตั้ง demodulating ring ที่เป็นโลหะ เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงของฟลักซ์ (flux) ซึ่งช่วยลดความผิดเพี้ยนของฮาร์โมนิก และอินเทอร์มอดูเลชันให้อยู่ในระดับที่ไม่ได้ยิน ส่วนระบบแม่เหล็กเป็นแบบ นีโอไดเมียม (neodymium) ที่ให้ค่าความเข้มเส้นแรงแม่เหล็กที่สูงมาก ในขณะที่ขอบยึดตัวกรวย (surround) นั้นเป็นนแบบ triple-roll suspension (ขอบนอกทำจากผ้าและเส้นใยโพลีเอสเตอร์) ตัวโครงลำโพง (basket) เป็นแบบหล่อขึ้นรูป (die-cast) ให้ความแข็งแรงสูงสุด MAX MINI” จึงนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อัดแน่นด้วยแนวคิดใหม่ๆ

ในขณะที่ตัวขับเสียงสูงนั้น เป็นแบบ compression driver ที่เป็น titanium diaphragm ขนาด 1 นิ้ว (ผลิตในอิตาลีเช่นกัน) มีส่วนของท่อนำเสียง (throat) ยาว 1 นิ้ว และลวดวอยซ์คอยล์เป็นอลูมิเนียม สวมครอบส่วนหน้าไว้ด้วยปากฮอร์นทรงรี (elliptical) ที่เป็นแบบ ESS Constant Coverage horn 60° x 50° ขึ้นรูปจากโพลียูรีเทนมีความแข็งแกร่งสูง จึงให้เสียงที่มีความเป็นเชิงเส้นที่เที่ยงตรงอย่างเหลือเชื่อ และมีความเป็นธรรมชาติโดยไม่มีร่องรอยของลักษณะเสียงขึ้นจมูก (nasality)

ดัชนีทิศทางการยิงเสียง (directivity index) จะคงที่ และคงอยู่ภายใน +/-0.85dB ไปจนถึงมากกว่า 12kHz ทั้งนี้หัวใจของ MAX MINI คือ วงจรครอสโอเวอร์ฟิลเตอร์ซึ่งได้รับการออกแบบด้วยความเอาใจใส่ และใส่ใจเป็นพิเศษด้วยการใช้เทคโนโลยี GTN (Genesis Transparent Network) ซึ่งมีอัตราความชันของช่วงย่านความถี่ของความถี่สูงและความถี่ต่ำที่มีความสมมาตรกัน คือ12/12 dB/octave โดยกำหนดค่าตัดกรองความถี่อยู่ในช่วงระหว่าง 1 ถึง 1.5kHz ซึ่งชิ้นส่วน-อุปกาณ์ทุกชิ้นที่เลือกใช้ล้วนมีคุณภาพสูงและความบิดเบือน-คลาดเคลื่อนต่ำ (low tolerance) ขดลวดแกนอากาศพันจาก OFC ตัวเก็บประจุแบบ low tolerance จาก Mundorf และตัวต้านทานเป็นแบบ metal-oxide technology (MOX) ที่มีความคลาดเคลื่อน 1% และค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิต่ำ (low temperature coefficient)

ในส่วนของตัวตู้ผลิตด้วยมือในอิตาลีโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ ซึ่งที่แผงด้านหลังตู้ลำโพงใกล้กับขั้วอินพุต มีสวิตช์ที่สามารถปรับ MAX MINI เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้กับแอมปลิฟายเออร์หลอดหรือโซลิด-สเตท

วิศวกรของ Unison Research ได้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อทำให้ impedance curve มีความราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดผลกระทบของสายลำโพง รวมถึงค่า damping factor ของแอมปลิฟายเออร์ที่ใช้งานร่วมด้วย ดังนั้นค่าอิมพีแดนซ์ต่ำสุดจึงคงอยู่ที่ประมาณ 6 โอห์ม โดยค่าอิมพีแดนซ์ทางไฟฟ้านี้เป็นไปตามมาตรฐาน DIN 45500 ที่ค่าอิมพีแดนซ์ 8 โอห์ม MAX MINI” ให้การตอบสนองความถี่เครอบคลุมตั้งแต่ 30-20000 Hz ค่าความไวเสียง 93dB สามารถรองรับกำลังขับต่อเนื่องตั้งแต่ 10 วัตต์ ได้จนถึงมากกว่า 100 วัตต์ มิติตัวตู้ลำโพง สูง 49.5 x กว้าง 28.5 x ลึก 36 ซม. น้ำหนัก 15 กก.ต่อข้าง

ผลการรับฟัง

Unison Research: MAX MINI เป็นลำโพงที่ดูสวยเนี้ยบในแบบฉบับของอิตาลี ที่ถึงแม้จะได้ชื่อเป็นลำโพงวางขาตั้ง แต่ขนาดตัวก็ไม่ใช่เล็กกะทัดรัดนัก นับว่าเป็นลำโพงวางขาตั้งที่มีขนาดใหญ่ และหนักพอตัวทีเดียว ด้วยวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้ว ตัวขับเสียงสูงเป็น compression driver ไดอะแฟรมเป็นวัสดุไทเทเนียมขนาด 1 นิ้ว ความไวลำโพง 93 dB นับเป็นลำโพงที่เหมาะกับแอมป์หลอดกำลังขับต่ำๆ ประเภทแอมป์ SE ทั้งยังมีสวิทช์โยกแบบ Toggle Switch ให้เลือกใช้งานระหว่างแอมป์หลอดกับแอมป์โซลิดฯ นับเป็นทริคที่น่าสนใจ ซึ่งแตกต่างจากใครๆ

เอาจริงๆ MAX MINI”  เป็นลำโพงอีกคู่หนึ่งที่เซ็ตง่ายมาก วางตรงไหนในห้องก็ให้เสียงออกมาดี แต่จะหนักแน่นเข้มข้นมากเมื่อตั้งวางไว้ไม่ห่างจากผนังหลังห้อง (แต่ควรห่างจากผนังด้านข้างไม่น้อยกว่า 40-50 ซม.) ซึ่งด้วยน้ำหนักตัวแต่ละข้างมากถึง 15 กก. จึงแนะนำให้ตั้งวางบนขาตั้งมวลหนักจะเหมาะสมกว่าขาตั้งมวลเบาทั่วไป ทั้งนี้ในการรับฟังของผม ใช้แอมป์โซลิดฯเป็นหลักในการขับขานMAX MINI” โดยทำการโยก Toggle Switch ไปไว้ที่ตำแหน่ง Solid-State (เพื่อการใช้งานกับแอมป์โซลิดฯ) …แต่กระนั้นก็ได้แอบมีการลองโยกสวิทช์มาไว้ที่ตำแหน่งแอมป์หลอดบ้าง ทว่าผลลัพธ์ความต่างทางเสียงนั้นก็ดูจะไม่มากนัก และมักจับได้ชัดในช่วงย่านเสียงกลาง ส่วนย่านเสียงต่ำกับย่านเสียงสูงนั้นฟังได้ไม่ต่างกันนัก

ขอบอกว่า MAX MINI” นั้น “ถูกโฉลก” ที่จะถูกตั้งวางให้ห่างจากผนังด้านข้าง ด้วยระดับความสูงจากพื้น ณ ตำแหน่งทวีตเตอร์เลยระดับหูนิดหน่อยสักเซนฯถึงเซนฯครึ่ง พร้อมด้วยการตั้งวางแบบหน้าตรง หรือแทบจะขนานกับผนังห้องด้านข้าง มากกว่าที่จะโท-อิน (toe-in) หรือวางเฉียงเอียงสอบหน้าตัวลำโพงเข้าหากัน จะทำให้ได้มาซึ่งลักษณะ “สนามเสียง” ที่กว้างขวาง แผ่ใหญ่ กระจายตัว (spacious) มีการโอบล้อมของบรรยากาศรายรอบ (ambience) พร้อมด้วยความลึกของเวทีเสียงที่เด่นชัดและนิ่งสนิท ไม่ไหวตัววูบวาบแกว่งไปมา สามารถส่งมอบการรับรู้ได้ถึงสภาพเสียงที่มีหน้า-มีหลัง ให้ความรู้สึกถึงความถอยลึกเข้าไปในเวทีเสียงอย่างเด่นชัด สามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งแห่งที่-การวางตัวของเสียงแต่ละเสียง และมีระดับสูง/ต่ำได้อย่างชัดแจ้งครบถ้วนส่งมอบสภาพ-ลักษณะเวทีเสียงที่ทั้งแผ่กว้างและลึก (อย่างน่าทึ่ง) ทั้งยังรับรู้ได้ถึงสภาพการโอบล้อมทางเสียงอย่างโดดเด่นอีกด้วย

ด้วยค่าความไวเสียง 93dB MAX MINI” จึงไม่กินกำลังขับ แอมป์ที่ใช้จึงอยู่ในสภาวะทำงานสบายๆ (ไม่เครียดเคร่ง เอาเป็นเอาตาย) ซึ่งในระดับการรับฟังที่ความดังปกติ (ไม่เร่งเสียงดังมากๆ) คุณจะสัมผัสได้ในสภาพความแผ่กว้างของเสียงเต็มพื้นที่ห้อง ถอยลึกเลยผนังหลังห้องฟังเข้าไป แยกเป็นแถว/ชั้นของเสียงชัดเจน บ่งบอกตำแหน่งแห่งที่ของเสียงที่เกิดขึ้นได้แน่นอน โดยไร้ซึ่งอาการเสียงเดินหน้า (forward) หรือว่า จัดจ้า หรือว่า ออกอาการขึ้นขอบ

“MAX MINI” ส่งมอบรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ออกมาให้ได้รับฟัง เฉพาะอย่างยิ่งกับความรู้สึก-รับรู้ถึงมวลอากาศรายรอบ และความมีชีวิตชีวาของชิ้นดนตรีอะคูสติกชนิดต่างๆ ชนิดที่ว่าให้ความรู้สึกอันสมจริง โดยจะส่งมอบเสียงของชิ้นดนตรีชนิดต่างๆ เสมือนลอยล่องออกมา ผลุดโผล่จากตรงโน่นตรงนี้ มีตำแหน่งแห่งที่ชี้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเสียงกีต้าร์-เสียงเปียโน-เสียงไวโอลิน-เสียงเครื่องเป่าเขย่าเคาะทั้งหลาย ทั้งยังสามารถส่งมอบรายละเอียดเสียงระยิบระยับ รวมทั้งสัญญาณเสียงฉับพลันได้อย่างทันทีทันใด ให้ทั้งความจะแจ้ง-แจ่มชัด-สดใส พร้อมการเปิดโปร่ง-โล่งกระจ่าง ไร้สภาพ “หมอกควัน” ปกคลุม

“MAX MINI” ตอบรับกับสัญญาณฉับพลันได้อย่างทันทีทันใด รับฟังแล้วสะใจมากเรื่องของไดนามิก-ความไหลลื่น และเรี่ยวแรงปะทะ (impact) รวมทั้งรายละเอียดเสียง (detail) พร้อมด้วยเวทีเสียงที่แผ่กว้าง ไล่ระดับความลึก ให้ตำแหน่งแห่งที่อันแจ่มชัดในจินตภาพเสียง (image) สุ้มเสียงโดยรวมไปในทาง-สดใส-กระชับ น้ำหนักเบสที่พอดีๆ ไม่มีล้น หรือ บวม จับจังหวะจะโคน-ท่วงทีลีลาได้ถนัด ที่สำคัญนอกจากจะไม่ปรากฏอาการคลุมเครือ ตีรวน แบ่งแยกช่วงเสียงต่างๆแล้ว ‘เนื้อเสียง’ ทั้งแหลม-กลางและต่ำยังกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน อีกทั้งในความเป็นลำโพง 2-ทางแบบฮอร์นนั้น ช่วงย่านความถี่เสียงต่ำและช่วงย่านความถี่เสียงกลาง-สูงที่คาบเกี่ยวต่อเนื่องกันนั้นทำได้ดีมาก ให้ความสด สะอาด ฟังแล้วราบรื่นเป็นเนื้อเดียว

กัน

“MAX MINI” ให้ลักษณะเสียงโดยรวม ที่มีมวลมีน้ำหนัก เพียบพร้อมด้วยความอิ่มฉ่ำ (มีมวลบรรยากาศห้อมล้อมไม่แห้งผาก) และกระจ่างชัดในทุกสรรพเสียง …แน่นอนละครับ “MAX MINI” ส่งมอบเสียงร้องเพลงทั้งชายและหญิงได้อย่างชนิด “สมจริง” เป็นน้ำเสียงของมนุษย์จริงๆ มีตัวมีตน มีวิญญาณ มีลมหายใจราวกับกำลังยืนร้องให้เราฟังกันสดๆอยู่ต่อหน้าเลยจริงๆ น่าประทับใจ ….ทวีตเตอร์แบบ compression driver ที่เป็น titanium diaphragm สามารถส่งมอบบุคลิกเสียงที่สดใส ฉับไว เปล่งประกาย ให้ความกังวานของหางเสียงสูงที่แจ่มชัด ทอดตัวยาวไกล พร้อมๆ กับความฉ่ำชุ่มนุ่มนวลอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังสามารถจำแนกแยกแยะแถวชั้นของตำแหน่งชิ้นดนตรีได้อย่างมีอาณาบริเวณเป็นอิสระ ปราศจาการเบียดบัง กลบซ้อนทับกัน ทั้งยังไล่ระดับความสูง/ต่ำในตำแหน่งแห่งที่ของเวทีเสียงได้อย่างสมจริง พร้อมด้วยมวลอากาศรายรอบของสภาพบรรยากาศเสียง

สรุปส่งท้าย

ลึก-แน่น-ฉ่ำชุ่ม-ละมุนละไม-ฉับไว-โปร่งกระจ่าง-มีชีวิตชีวาของเสียงที่รับฟัง …น่าจะเป็นคำจำกัดความสำหรับสิ่งที่ได้รับจาก “MAX MINI” และด้วยค่าความไวเสียงอยู่ในระดับ 93 dB คุณจึงสะดวกที่จะใช้แอมป์หลอดซิงเกิ้ลเอ็นด์ก็จะทำให้รับฟังได้อย่างอลังการสมฐานะความเป็น SE Amp  อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะใช้แอมป์โซลิดฯมาขับขาน ก็มั่นใจได้ว่า แอมป์นั้นอยู่ในสภาวะทำงานสบายๆ ไม่เครียดเคร่ง ค่าความผิดเพี้ยนต่างๆ จึงอยู่ในระดับต่ำมากๆ จนเรียกได้ว่า หายห่วงหมดกังวล ฟังเพลงได้รื่นรมย์ใจ…


ขอขอบคุณ Wanpat 59 สำหรับ Unison Research MAX MINI ในการรับฟังครั้งนี้