ลำดับที่ 51
ตลอดชีวิตของ Sibelius ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ สำหรับซิมโฟนี แนวความคิดแห่งซิมโฟนีของ Sibelius อาศัย “ความเคร่งครัด ความเข้มงวด ความจริงจังของสไตล์และตรรกะที่ลึกซึ้ง ซึ่งสร้างสรรค์ความสัมพันธ์เชื่อมโยงภายในระหว่าง Motifs ทั้งหมด”
ซิมโฟนี หมายเลข 7 ในกุญแจเสียง C major, Op. 105 ของ Sibelius เป็นซิมโฟนีบทสุดท้ายที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแผ่ ซึ่ง Sibelius ประพันธ์คีตนิพนธ์อมตะบทนี้สำเร็จในปี ค.ศ. 1924 ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius มีความน่าสนใจ มีชื่อเสียง และมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นซิมโฟนีที่ประกอบด้วย 1 ลีลา ซึ่งแตกต่างอย่างมากไปจากหลักเกณฑ์/โครงสร้างของซิมโฟนีที่เป็นมาตรฐานซึ่งประกอบด้วย 4 ลีลา
ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “ความดั้งเดิมที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทางด้านรูปแบบ ความประณีตละเอียดอ่อนทางด้านการสร้างสรรค์และการจัดการกับความเร็ว-ความช้าของการบรรเลงที่มากมาย (Tempi) ความเป็นปัจเจกทางด้านการปฏิบัติต่อกุญแจเสียง รวมทั้ง องค์รวมทั้งหมดทางด้านการเจริญเติบโตและการพัฒนา” และ เป็น “การประสบความสำเร็จทางด้านการประพันธ์ซึ่งเป็นที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงมากที่สุดของ Sibelius”
Sibelius ประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 ระหว่างปี ค.ศ. 1918 – 1924 หลังจาก Sibelius ประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 สำเร็จในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1924 คีตนิพนธ์บทนี้ได้รับการนำออกบรรเลงเป็นครั้งแรกที่ Stockholm Konsertforeningen ในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1924 โดยมี Sibelius เป็นผู้อำนวยคีตนิพนธ์ ซึ่งคีตนิพนธ์บทนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า Fantasia sinfonica No. 1, “Symphonic Fantasy” ซึ่ง Sibelius ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะตั้งชื่อให้กับคีตนิพนธ์บทนี้ และหลังจากการพิจารณา Sibelius ก็ได้กำหนดสถานภาพให้เป็นซิมโฟนีบทหนึ่ง
ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ได้รับการตีพิมพ์เผยแผ่ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1925 ซึ่งสกอร์ (Score) ได้รับการตั้งชื่อว่า “ซิมโฟนี หมายเลข 7 (ใน 1 ลีลา) [“Symphony No. 7 (in One Movement)”]
แนวความคิดแห่งการเป็นซิมโฟนีที่ประกอบด้วยลีลาเดียวที่ได้รับการบรรเลงต่อเนื่องกันไป (Continuous, Single-Movement Symphony) นั้น เป็นแนวความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่ Sibelius ได้บรรลุถึง หลังจากกระบวนการแห่งการทดลองที่ยาวนานในการประพันธ์ (ตั้งแต่ประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 3 ในปี ค.ศ. 1907 จรดการประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 5 สำเร็จในปี ค.ศ. 1915) แม้ว่าการกล่าวถึงซิมโฟนี หมายเลข 7 เป็นครั้งแรก ได้เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1918 ก็ตาม แต่สำหรับแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 นั้น ย้อนกลับไปประมาณปี ค.ศ. 1914 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Sibelius กำลังประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 5

ในปี ค.ศ. 1918 Sibelius ได้อธิบายแผนงานต่าง ๆ ของ Sibelius สำหรับซิมโฟนี หมายเลข 7 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “ความเพลิดเพลินและความสุขแห่งชีวิต รวมทั้งพลังและความแข็งแกร่งแห่งการดำเนินต่อไปของชีวิต ด้วยท่อนที่บรรเลงด้วยความเคร่งเครียด จริงจัง (Appassionato Sections)” ซึ่งในขณะนั้น ซิมโฟนีบทนี้ประกอบด้วย 3 ลีลา และลีลาสุดท้าย คือ รอนโดแห่งกรีกโบราณ (“Hellenic Rondo”) อย่างไรก็ตาม ร่างการประพันธ์ที่ยังคงเหลืออยู่จากช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1920s นั้น แสดงให้ประจักษ์ว่า Sibelius กำลังประพันธ์คีตนิพนธ์ซึ่งประกอบด้วย 4 ลีลา ไม่ใช่ประกอบด้วย 3 ลีลา รวมทั้งกุญแจเสียงโดยรวมนั้น คือ กุญแจเสียง G minor และลีลาที่ 2 คือ Adagio ในกุญแจเสียง C major ซึ่งให้วัตถุดิบสำหรับทำนองหลักต่างๆ ซึ่งในที่สุด ก็เป็นการสร้างซิมโฟนีบทนี้ขึ้นมา
สำหรับร่างการประพันธ์แรกที่ยังคงเหลืออยู่ของซิมโฟนีที่ประกอบด้วย1 ลีลานั้น ระบุไว้ว่ามาจากปี ค.ศ. 1923
แม้ว่าซิมโฟนีบทนี้ปรากฎอยู่ในกุญแจเสียง D major ก็ตาม แต่ในที่สุด ซิมโฟนีบทนี้ก็อยู่ในกุญแจเสียงหลัก (Home Key) C major ซึ่ง Ralph Vaughan Williams ได้กล่าวว่า มีแต่เพียง Sibelius เท่านั้นที่สามารถสร้างกุญแจเสียง C major ให้เสียงออกมาที่สดชื่นอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ Peter Franklin ได้กล่าวถึงการสรุปไว้ว่า “การเฉลิมฉลองทียิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกุญแจเสียง C major เท่าที่เคยมีมา” (“The grandest celebration of C major there ever was”)

Sibelius มีชีวิตอยู่เป็นเวลาถึง 33 ปีหลังจากการประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 สำเร็จ ซึ่งซิมโฟนี หมายเลข 7 เป็นหนึ่งในบรรดาคีตนิพนธ์สุดท้ายที่ Sibelius ประพันธ์ โดย Sibelius ได้ประพันธ์อีกหนึ่งคีตนิพนธ์ที่สำคัญสำหรับบรรเลงด้วยวงดุริยางค์สำเร็จ คือ Tapiola อย่างไรก็ตามมีหลักฐานพอที่จะเชื่อได้ว่า Sibelius ได้เผาสกอร์ของ ซิมโฟนี หมายเลข 8 ที่ได้ประพันธ์ไว้ ทิ้งไป โดย Sibelius ได้ปล่อยซิมโฟนี หมายเลข 7 ให้ยืนหยัดเป็นคีตนิพนธ์บทสุดท้ายซึ่งอยู่ในรูปแบบซิมโฟนี
ซิมโฟนี หมายเลข 7 ได้รับการกำหนดให้บรรเลงอยู่ในกุญแจเสียง C major ซี่งทุก Passage การบรรเลงที่สำคัญในคีตนิพนธ์บทนี้ อยู่ในกุญแจเสียง C major หรือกุญแจเสียง C minor และการบรรลุถึงควาหลากหลาย (Variety) โดยการดำเนินการเปลี่ยนแปลง Tempo อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งโดยการทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากมายมหาศาลทางด้านกุญแจเสียง การเชื่อมต่อระหว่างลีลาย่อย และเนื้อหาสาระ ซึ่งซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ประกอบด้วยความหลากหลายที่กว้างขวางมากในหนึ่งลีลา
สกอร์ (Score) ของซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius กำหนดให้บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีดังต่อไปนี้: 2 ฟลูต (ทั้ง 2 ฟลูตสลับสับเปลี่ยนไปเป็นพิคโคโลในลีลา Adagio ซึ่งอยู่ตอนกลางของซิมโฟนีบทนี้), 2 โอโบ, 2 แคลริเน็ต (B-flat), 2 บาสซูน, 4 เฟรนช์ฮอร์น (F), 3 ทรัมเป็ต (B-flat), 3 ทรอมโบน, กลองทิมปานี และวงเครื่องสาย
ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ประกอบด้วย 1 ลีลา ซึ่งประกอบด้วยลีลาย่อยที่บรรเลงติดต่อกันไป โดยปราศจากการหยุด ดังต่อไปนี้:
ลีลาย่อยที่ 1: Adagio – (ช้าพอประมาณ)
ซิมโฟนี หมายเลข 7 เริ่มต้นการบรรเลงด้วยการรัวกลอง Timpani อย่างนุ่มนวล ตามด้วยการบรรเลงในลักษณะแห่งการไล่ Scale ขาขึ้นที่ช้า ๆ ในกุญแจเสียง C major และในลักษณะของจังหวะขัด (Syncopation) โดยวงเครื่องสาย (ซึ่งเริ่มต้นดวยการบรรเลงโน้ต G ของกลอง Timpani) ซึ่งนำไปสู่การบรรเลงคอร์ดที่ไม่ได้คาดหวังในกุญแจเสียง A-flat minor (ซึ่งเป็นกุญแจเสียงที่ห่างไกลจากกุญแจเสียง C major) โดยมีการบรรเลงช่วงของขั้นคู่หกไมเนอร์ (Minor Sixth) ระหว่างโน้ตแรก คือ G และโน้ตสุดท้าย คือ E flat
หลังจากนั้น มีการบรรเลง Motif หลักอย่างเบาสงบโดยฟลูตและบรรเลงซ้ำด้วยแคลริเน็ต ตามด้วยการบรรเลงทำนองคล้าย Hymn ที่มีลักษณะแห่ง Chorale ด้วยกลุ่มวิโอลาและกลุ่มเชลโลอย่างเบาสงบ ซึ่งค่อย ๆ หลอมรวมไปเป็นจุดสุดยอดครั้งแรกของซิมโฟนีบทนี้และเมื่อบรรลุถึงจุดสุดยอด วงดุริยางค์ได้เพิ่มการบรรเลงให้ดังมากขึ้นรวมทั้งเพิ่มความเข้มข้นแห่งเสียงให้มากขึ้น ซึ่ง ณ จุดสุดยอด นั้น มีการบรรเลงทรอมโบนเป็นครั้งแรกโดยบรรเลงทำนองหลักของคีตนิพนธ์บทนี้ โดยมีการเขียนคำว่า “Aino” (ชื่อของภรรยาของ Sibelius) ไว้ในร่างการประพันธ์
สำหรับทำนองหลักดังกล่าวนั้น ได้ย้อนกลับมาบรรเลง ณ ช่วงขณะที่สำคัญของซิมโฟนีบทนี้ ซึ่งก็คือ แต่ละครั้งที่มีการตอกย้ำ C ในสถานะที่เป็น Tonality
ลีลาย่อยที่ 2: Un pochettino meno adagio – Vivacissimo – Adagio – (ช้าพอประมาณน้อยลงนิดหน่อย – มีชีวิตชีวามาก – ช้าพอประมาณ – )
เริ่มต้นการบรรเลงลีลาย่อยนี้ใน Tempo: ช้าพอประมาณน้อยลงนิดหน่อย (Un pochettino meno adagio) ตามด้วยการบรรเลงทำนองหลักใหม่ซึ่งอยู่ใน Dorian Mode (โดยใช้การบรรเลงในลักษณะแห่งการไล่ Scale ขาขึ้นในช่วงเปิดฉากการบรรเลงลีลาย่อยที่ 1) โดยโอโบ
หลังจากนั้น Tempo ได้เพิ่มขึ้นไปเป็น มีชีวิตชีวามาก (Vivacissimo) พร้อมด้วยการบรรเลงคอร์ดในลักษณะเสียงขาดห้วน (Staccato Chords) ที่รวดเร็วจากการบรรเลงสลับสับเปลี่ยนระหว่างวงเครื่องสายและวงเครื่องเป่าลมไม้ ต่อมา อารมณ์ความรู้สึกได้เปลี่ยนไปเป็นความดุเดือดและความรุนแรงจากการบรรเลงในลักษณะแห่งการไล่สเกลขาขึ้นและขาลงโดยวงเครื่องสาย พร้อมด้วยการบรรเลงทำนองหลัก “Aino” อีกครั้งโดยวงเครื่องเป่าทองเหลือง ตามด้วยการบรรเลงที่เปลี่ยนจากกุญแจเสียง A flat ไปเป็นกุญแจเสียง C major ซึ่งเป็นกุญแจเสียงหลัก ในที่สุด ลีลาย่อยที่ 2 ก็ได้สิ้นสุดลงด้วย Tempo: ช้าพอประมาณ (Adagio)
ลีลาย่อยที่ 3: Allegro molto moderato – (เร็วอย่างปานกลางมาก)
ในลีลาย่อยที่ 3 ซึ่งคือตอนกลางของซิมโฟนีบทนี้ ได้ถูกโอบล้อมด้วยท่อน Scherzo สองท่อน โดยมีการบรรเลงทำนองหลักในลักษณะแห่งการประโคม (Fanfare) ที่แข็งแกร่งและทรงพลังเป็นหลัก ซึ่งบรรเลงอยู่ในอัตราจังหวะ 6/4
ลีลาย่อยที่ 4: Vivace – Presto – Adagio (มีชีวิตชีวา – เร็วมาก – ช้าพอประมาณ)
ลีลาย่อยที่ 4 เป็นลีลาแห่งการสรุปที่สั้นและย่นย่อมาก มีการบรรเลงทำนองหลักของทรอมโบนแห่งการเปิดฉากการบรรเลง พร้อมด้วยการบรรเลงทำนองหลักที่ทรงพลานุภาพ ปีติ และรุ่งโรจน์ซึ่งอยู่ใน Tempo:เร็วมาก จากการบรรเลงของวงดุริยางค์ทั้งวง และในที่สุด ลีลาย่อยที่ 4 ก็ได้สิ้นสุดลงด้วย Tempo: ช้าพอประมาณ (Adagio)
ซิมโฟนี หมายเลข 7 เป็นคีตนิพนธ์ที่แสดงให้ประจักษ์ถึง “ตรรกะที่ลึกซึ้ง” ซึ่ง Sibelius ได้ประพันธ์ไว้ รวมทั้งเป็นการสร้างสรรค์ การพัฒนา และความสำเร็จที่พิเศษและที่น่าประหลาดใจแห่งการหลอมรวมและการแปลง (Fusion and Transformation) ของ Sibelius ซึ่งก็คือ หนึ่งลีลาที่สร้างความประทับใจแห่งสองลีลาย่อยที่เร็ว ซึ่งตรึงติดอย่างมั่นคงอยู่ในTempo: ช้าพอประมาณ (Adagio) ที่มีขนาดใหญ่
ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius เป็นซิมโฟนีที่แท้จริง (“True” Symphony) แห่งการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว (Unity) ความน่าดึงดูดใจมนต์เสน่ห์ ความเข้มข้นของการแสดงออก และความมีเอกลักษณ์
Discography
CD
1. วงดุริยางค์: Philadelphia Orchestra
วาทยกร: Eugene Ormandy
บันทึก: ค.ศ. 1982
สังกัด: RCA Red Seal
หมายเลขแผ่น: –

การอำนวยคีตนิพนธ์และการบรรเลงซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius โดย Ormandy และ Philadelphia Orchestra สำหรับบันทึกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ (Historic Recording) นี้ เป็นที่ยอมรับในคีตภพ Classical ว่า คือผลการดำเนินการแห่งการตีความ การอำนวยคีตนิพนธ์ และการบรรเลง รวมทั้งเป็นบันทึกที่มีความสุดยอดเยี่ยมของความสวยงามแห่งคีตศิลป์อย่างแท้จริง รวมทั้งบริบูรณ์ด้วยพลัง ความเบิกบานใจ ความประณีตละเอียดอ่อน และความลึกซึ้ง
CD แผ่นนี้บรรจุบันทึกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่สุดยอดแห่งการอำนวยคีตนิพนธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius และเป็น State of the Art ของ Ormandy ที่เป็นเลิศในทุกลีลา สืบเนื่องจาก Ormandy เป็นหนึ่งในบรรดาวาทยากรผู้เชี่ยวชาญหรือเป็น Champion แห่งคีตนิพนธ์ซึ่งกำหนดให้บรรเลงด้วยวงดุริยางค์ของ Sibelius ความเข้าใจอย่างถ่องแท้และลึกซึ้งประณีตละเอียดอ่อนแห่งการตีความของ Ormandy นั้น คือ ตำนานระดับสุดยอดแห่งคีตศิลป์โดยตีแผ่ความซับซ้อนของซิมโฟนีหมายเลข 7 ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ซาบซึ้งตราตรึงจิตยิ่ง

ขณะที่ Sibelius มีอายุ 89 ปี)
Eugene Ormandy เป็นที่ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในบรรดา Champions แห่งคีตนิพนธ์ซิมโฟนี และคีตนิพนธ์ที่กำหนดให้บรรเลงด้วยวงดุริยางค์ของ Sibelius (Champions ท่านอื่น อาทิ: Robert Kajanus, Herbert von Karajan, Sir John Barbirolli, Sir Alexander Gibson และ Okko Kamu)
บันทึกที่บรรจุใน CD แผ่นนี้ คือ Historic Recording แห่งการอำนวยคีตนิพนธ์และการบรรเลงซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius และเป็น Connoisseur ของ Eugene Ormandy และ Philadelphia Orchestra ที่สุดเลิศ รวมทั้งเป็นตำนานที่แท้แห่งคีตศิลป์ซึ่งได้ตีแผ่ความล้ำลึกซึ้งของคีตนิพนธ์บทนี้ได้อย่างประทับจิตยิ่ง
สรุปการประเมินคุณภาพ
การบรรเลงของ Philadelphia Orchestra 5 ดาว
การอำนวยคีตนิพนธ์ของ Eugene Ormandy 5 ดาว
การไหลของโครงสร้าง 5 ดาว
การบันทึก 3.5 ดาว
ตำนานระดับสุดยอดแห่งคีตศิลป์ที่ตีแผ่ความเบิกบานจิต มนต์เสน่ห์ ความซาบซึ้งตราตรึงใจ และสัมผัสแห่งคีตศิลป์ที่แท้จริง
2.วงดุริยางค์: Berliner Philharmoniker
วาทยกร: Herbert von Karajan
บันทึก: ค.ศ. 1966
สังกัด: Deutsche Grammophon
หมายเลขแผ่น: 457 7482 4 GOR2 (2CDs) (ADD)
บันทึกใน CD นี้ คือ หนึ่งในบรรดาสุดยอดตำนานการบันทึกการอำนวยคีตนิพนธ์ของ Karajan เป็นการตีความที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดบันทึกหนึ่ง ซึ่งบันทึกนี้มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก
3.วงดุริยางค์: Halle Orchestra
วาทยกร: Sir John Barbirolli
บันทึก: No. 1 Studio, Abbey Road, London, 23 มกราคม ค.ศ. 1966
สังกัด: EMI
หมายเลขแผ่น: 5 67299 2 (5CD)
……………………………..
4.วงดุริยางค์: Royal Scottish National Orchestra
วาทยกร: Sir Alexander Gibson
บันทึก: The SNO Centre, Glasgow, 1982
สังกัด: Chandos
หมายเลขแผ่น: CHAN 6559 (Set) (DDD)
Sir Alexander Gibson เป็นหนึ่งในบรรดาวาทยากรผู้เชี่ยวชาญคีตนิพนธ์ซิมโฟนีของ Sibelius ในปี ค.ศ. 1978 Sir Alexander Gibson เป็นหนึ่งในบรรดาบุคคลไม่กี่ท่านที่ได้รับรางวัล The Sibelius Medal จากการที่ Sir Alexander Gibson เป็นผู้ที่ได้สร้างคุณูปการที่ยอดเยี่ยมในการทำให้เกิดความซาบซึ้งแห่งดนตรีของ Sibelius ทั่วโลก
5.วงดุริยางค์: Royal Philharmonic Orchestra
วาทยกร: Sir Thomas Beecham
สังกัด: EMI (DRM)
บันทึก: –
หมายเลขแผ่น: CDM 7 63400 2 (ADD)
……………………………..
6.วงดุริยางค์: Copenhagen Philharmonic Orchestra
วาทยกร: Okko Kamu
สังกัด: Scandinavian Classics
บันทึก: –
หมายเลขแผ่น: 220507
……………………………..
7.วงดุริยางค์: Gothenburg Symphony Orchestra
วาทยกร: Neeme Jarvi
บันทึก: –
สังกัด: BIS
หมายเลขแผ่น: CD-311 (DDD)
……………………………..
8.วงดุริยางค์: Vienna Philharmonic Orchestra
วาทยกร: Lorin Maazel
บันทึก: ค.ศ. 1968
สังกัด: Decca (Legendary Performances)
หมายเลขแผ่น: – (ADD)
……………………………..
9.วงดุริยางค์: Pittsburgh Symphony Orchestra
วาทยกร: Lorin Maazel
บันทึก: –
สังกัด: Sony Classical
หมายเลขแผ่น: –
……………………………..
10.วงดุริยางค์: Helsinki Philharmonic Orchestra
วาทยกร: Paavo Berglund
บันทึก: –
สังกัด: EMI
หมายเลขแผ่น: –
……………………………..
11.วงดุริยางค์: Boston Symphony Orchestra
วาทยกร: Leonard Bernstein
บันทึก: –
สังกัด: Deutsche Grammophon
หมายเลขแผ่น: 431 768-2 GH (DDD)
……………………………..
12.วงดุริยางค์: New York Philharmonic Orchestra
วาทยกร: Leonard Bernstein
บันทึก: –
สังกัด: Sony Classical
หมายเลขแผ่น: –
……………………………..
13.วงดุริยางค์: Philharmonia Orchestra
วาทยกร: Vladimir Ashkenazy
บันทึก: –
สังกัด: Decca
หมายเลขแผ่น: 411 935-2 DH (DDD)
……………………………..
14.วงดุริยางค์: USSR State Radio and Television Symphony Orchestra
วาทยกร: Gennady Rozhdestvensky
บันทึก: –
สังกัด: Yedang Entertainment [w1]
หมายเลขแผ่น: –
……………………………..
Vinyl (LP)
1.วงดุริยางค์: Philadelphia Orchestra
วาทยกร: Eugene Ormandy
บันทึก: ค.ศ. 1982
สังกัด: RCA Red Seal
หมายเลขแผ่น: ARL1-4566
บรรณานุกรม
1. https://en.m.wikipedia.org >
2. https://imslp.org >wiki >
3. https://www.gettyimagesi.com (Jean Sibelius)
4. https://www.gettyimages.com (Ralph Vaughan Williams)
5. https://www.eugeneistomin.com (Eugene Ormandy)

_____________________