Toshiba-EMI/TOCT-6994-5
“Eternal Melody” เป็นสตูดิโออัลบั้มคลาสสิกชุดแรกของโยชิกิ (Yoshiki) นักดนตรีชาวญี่ปุ่น วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 เมษายน 1993 โดยมีจุดเด่นที่มีเซอร์ จอร์จ มาร์ติน (Sir George Martin) ชาวอังกฤษเป็นโปรดิวเซอร์
โยชิกิ (Yoshiki Hayashi) (เกิด 20 พฤศจิกายน 1965) เป็นนักดนตรีชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่รู้จักในฐานะหัวหน้าวง, มือกลอง และนักเปียโนของวงร็อกชื่อดัง X Japan เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “หนึ่งในนักดนตรีและนักแต่งเพลงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น”
โยชิกิร่วมกับเพื่อนสมัยเด็ก โทชิ (Toshi) ในปี 1982 ก่อตั้งวง X Japan (เดิมชื่อ X) และเป็นแกนหลักในการแต่งเพลงเกือบทั้งหมดของวง สไตล์ดนตรีมีความเป็นเอกลักษณ์ โดยผสมผสานดนตรีร็อก/เมทัลเข้ากับการเรียบเรียงแบบคลาสสิก ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการเพลงญี่ปุ่นและเป็นผู้บุกเบิกแนว “Visual Kei”
X Japan ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมียอดขายอัลบั้มและซิงเกิลมากกว่า 30 ล้านชุด และสามารถเปิดการแสดงที่ Tokyo Dome ความจุ 55,000 ที่นั่งได้ถึง 18 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน


นอกเหนือจาก X Japan แล้ว โยชิกิยังมีผลงานเดี่ยวและโครงการอื่น ๆ มากมาย :-
นักแต่งเพลงคลาสสิก : เขาได้รับการฝึกฝนด้านเปียโนคลาสสิกตั้งแต่วัยเด็ก และได้ออกอัลบั้มคลาสสิกเดี่ยว รวมถึงแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์, เพลงธีมสำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี การครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น และเพลงธีมรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe Awards)
โปรเจกต์ระดับโลก : เขาร่วมก่อตั้งซูเปอร์กรุ๊ปอย่าง The Last Rockstars และมีโปรเจกต์รายการเรียลลิตี้ เฟ้นหาศิลปินอย่าง “YOSHIKI SUPERSTAR PROJECT X” ซึ่งนำไปสู่การเดบิวต์ของวงบอยแบนด์ “XY” และเกิร์ลกรุ๊ป “Bi-ray”
ผู้กำกับภาพยนตร์ : โยชิกิได้กำกับภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของเขาคือ Yoshiki : Under the Sky (ค.ศ.2023)
แฟชั่นและธุรกิจ : เขามีแบรนด์แฟชั่นชั้นสูง “Maison Yoshiki Paris” ไวน์แบรนด์ “Y by Yoshiki” และร่วมงานกับแบรนด์แชมเปญชื่อดังอย่าง Pommery
กิจกรรมเพื่อสังคม : เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมการกุศลและการบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของ Japan House ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมวัฒนธรรมญี่ปุ่นในต่างประเทศ
โยชิกิถือเป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง ทั้งในวงการดนตรีร็อกคลาสสิกของญี่ปุ่นและในระดับสากล X Japan เป็น J Rock วงหนึ่งที่เป็นตำนานของญี่ปุ่นและของโลก มานานกว่า 20 ปี โดยมีเพลงฮิตที่เป็นตำนานสร้างชื่อให้กับ Yoshiki และ X Japan คือ Say Anything กับ Endless Rain
ในปี 1991 โยชิกิได้ออกอัลบั้มแรกของเขาเอง อัลบั้มรวมเพลงคลาสสิก ‘Yoshiki Selection’ ซึ่งรวมผลงานเพลงคลาสสิกหลากหลายเพลงไว้ด้วยกัน พร้อมกับการเรียบเรียงเพลงของวง X Japan ของเขา ในปี 1992 เขาเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการด้นสด (Jazz Improvisation) และการเรียบเรียงดนตรี (Orchestration) ด้วยแรงบันดาลใจจากอัลบั้ม The Köln Concert ของ Keith Jarrett

“Eternal Melody” บันทึกเสียงในเดือนกุมภาพันธ์ 1993 ที่สตูดิโอบันทึกเสียง Air Lyndhurst Hall ในลอนดอน ซึ่งเป็นของเซอร์ จอร์จ มาร์ติน (Sir George Martin) โปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ และมาสเตอร์เพลงที่ Abbey Road Studios ดนตรีประพันธ์โดยโยชิกิ โปรดิวเซอร์โดย จอร์จ มาร์ติน เรียบเรียงร่วมกับ กาวิน กรีนอะเวย์ (Gavin Greenaway) และ เกรแฮม เพรสเกตต์ (Graham Preskett) และบรรเลงโดยวง London Philharmonic Orchestra
สำหรับ Eternal Melody ประกอบด้วยเพลงที่ประสบความสำเร็จสมัยที่ยังเป็นวง X-Japan โดยนำมาเรียบเรียงในสไตล์คลาสสิก นอกจากนั้นอัลบั้มนี้ยังมีเพลงใหม่อีก 2 เพลง คือ “Overture” และ “Amethyst” ซึ่งเป็นเพลงที่โยชิกิแต่งขึ้นใหม่รวมอยู่ด้วย จำนวนทั้งหมด 12 เพลง แบ่งใส่ไว้ในแผ่นซีดี 2 แผ่น
อัลบั้มนี้วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 เมษายน 1993 ภายใต้สังกัด Toshiba-EMI ซึ่งขึ้นถึงอันดับที่ 6 บนชาร์ต Oricon ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม โดยขายได้ 83,740 ชุด, สัปดาห์ถัดมา อัลบั้มหล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 9 ด้วยยอดขาย 31,940 ชุด และในสัปดาห์ที่สามก็หล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 14 ด้วยยอดขาย 15,050 ชุด, ในสัปดาห์ที่สี่ อัลบั้มหล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 25 ด้วยยอดขาย 9,030 ชุด อัลบั้มนี้ติดชาร์ตรวมเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ทว่าได้มีการวางจำหน่ายอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2001 โดยสังกัด Polydor (ทั้งยังมี ‘Eternal Melody II’ วางจำหน่ายตามออกมาในปี 2005 อีกด้วย)
Tracklist
ดนตรีทั้งหมดแต่งโดย Yoshiki และผู้เรียบเรียงเสียงประสานอยู่ท้ายชื่อแต่ละเพลง
| Disc One | ||
| No. | Title | Length |
| 1. | “Overture” | 9:13 |
| 2. | “Vanishing Love” (Graham Preskett) | 4:54 |
| 3. | “Amethyst” (Graham Preskett) | 6:18 |
| 4. | “Kurenai” (Graham Preskett) | 4:43 |
| 5. | “Endless Rain” (George Martin) | 6:17 |
| 6. | “Unfinished” (Gavin Greenaway) | 6:30 |
| Disc Two | ||
| No. | Title | Length |
| 7. | “Say Anything” (Gavin Greenaway) | 10:07 |
| 8. | “Silent Jealousy” (Graham Preskett) | 4:59 |
| 9. | “A Piano String in Es Dur” (Gavin Greenaway) | 3:36 |
| 10. | “Week End” (Graham Preskett) | 5:55 |
| 11. | “Rose of Pain” (Gavin Greenaway) | 7:34 |
| 12. | “Tears” (George Martin) | 4:24 |
Recording Personnel
Arrangers : George Martin, Gavin Greenaway, Graham Preskett
Recording, mixing engineer : Bendoru Hayden
Assistant engineers : Steve Orchard, Jeff Foster
Mastering engineer : Chris Blair (Abbey Road Studios)
Performed : London Philharmonic Orchestra
Hayashi Yoshiki
เป็นมือกลอง, มือคีย์บอร์ด และ หัวหน้าวง X Japan ภายหลังจากยุบวง X Japan, โยชิกิได้เป็นโปรดิวซ์เซอร์ให้กับวง Dir en Grey ที่ ฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย และกลับมาทำงานใหม่ในอัลบั้มของตัวเองชื่อ Violet UK
*วันที่ 2 พฤษภาคม 1998 ฮิเดะ (Hideto Matsumoto) หนึ่งในอดีตสมาชิกวง X Japan ได้เสียชีวิตกะทันหัน เมื่อโยชิกิได้รู้ข่าวนี้เขาตกใจมาก เขาไปร่วมพิธีศพ ที่จัดขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 1998 และหลังจากนั้นโยชิกิก็ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ลอสแอนเจลิส ก็เก็บตัวเงียบหายไปอีก 2 ปี ช่วงเวลานี้โยชิกิ ได้เป็นโปรดิวซ์เซอร์ให้กับวง Dir en Grey
*ในปี 2000 โยชิกิได้เปิดค่ายเพลง Extasy Records International และ Extasy Records North (สตูดิโอบันทึกเสียง) ขึ้นใน ฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย แล้วหลังจากนั้นโยชิกิได้กลับมาทำงานโซโลโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า “Violet UK” เป็นโครงการที่เขาได้คิดริเริ่มมาราว 10 ปี ได้แล้ว และในวันที่ 22 กันยายน 2005 Violet UK ได้ออกซิงเกิล ‘Sex and Religion’ ให้ดาวน์โหลดผ่าน iTunes Music Store ซึ่งเป็นวันครบรอบ 8 ปี ของการยุบวง X Japan

เป็นที่ทราบกันว่า ครั้งหนึ่ง โยชิกิเคยท้อแท้และพูดว่า “เลิกซะดีมั้ย” เนื่องจากวง X มีการเปลี่ยนสมาชิกบ่อยๆ ทำให้สมาชิกของ X ตอนนั้นมีแค่โยชิกิและโทชิเท่านั้น แต่เพราะว่า “X” มีประวัติการอาละวาดบนเวที ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ โยชิกิเองก็ชอบทำแก้วในร้านแตกหมด และชอบเหวี่ยงขวดเบียร์หลาย 10 ขวด จนเป็นข่าวลืออยู่เป็นประจำ เลยทำให้ร้านเหล้าห้ามไม่ให้เขาเข้ามากขึ้น แต่หลังจากโยชิกิสามารถรวบรวมสมาชิกของ X ได้ลงตัวที่สุดก็เริ่มทำวงดนตรีอย่างจริงจังมากขึ้นจนได้เดบิวท์ (Debut) และประสบความสำเร็จมากมาย และได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น X Japan ต่อมาในปี 1997 โทชิได้ตัดสินใจออกจากวง
Yoshiki, Hide, Pata และ Heath แถลงข่าวยุบวง X Japan ในวันที่ 22 กันยายน 1997 และจัดการแสดงสดครั้งสุดท้าย ‘The Last Live’ ที่โตเกียวโดม ในวันที่ 31 ธันวาคม 1997

*ฮิเดะเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1998 โดยทางตำรวจได้สรุปว่า เป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากก่อนหน้านี้เขามีปากเสียงกับเพื่อนร่วมวง Spread Beaver เรื่องความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ถึงแม้ว่าแฟนเพลงหลายคนไม่ยอมรับ และมีการสันนิษฐานอื่นๆ เช่นว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุจากการเมาสุราแล้วละเมอของเขาเอง เนื่องจากเขาไม่มีมูลเหตุในการฆ่าตัวตายเลย เนื่องจากเขากำลังจะออกอัลบั้มใหม่ และในช่วงหัวค่ำก่อนเกิดเหตุ ฮิเดะและเพื่อนในวงได้ไปออกรายการโทรทัศน์ หลังจบรายการก็ได้พาเพื่อนในวงไปเลี้ยงฉลอง ดื่มสุรากับเพื่อนๆ จนเมาหนักถึงเช้า โดยฮิโรชิน้องชายของเขาได้มารับกลับแมนชั่น และได้มีปากเสียงกับน้องชาย โดยฮิเดะตะโกนใส่น้องชายด้วยความโกรธ จึงอาจเป็นสาเหตุที่เขาฆ่าตัวตาย หรือการสันนิษฐานอีกข้อคือ หลังจากที่ ฮิโรชิน้องชายที่เป็นผู้จัดการได้มาส่งเขาที่แมนชั่นในเวลาประมาณหกโมงเช้า เขาได้ทำการกายภาพบำบัดดึงคอตัวเองด้วยผ้าเช็ดตัว (กายภาพบำบัดดึงคอด้วยผ้าขนหนู) เพราะฮิเดะมีอาการปวดบริเวณหลัง บ่าและคอเรื้อรัง เนื่องจากต้องแบกกีตาร์เป็นระยะเวลานานๆ แต่เกิดความผิดพลาดในขณะทำขึ้น เมื่อเขานั้นได้ดื่มสุราก่อนที่จะกลับมายังที่พัก และร่างกายก็เลยทำการกายภาพบำบัดช่วงคอในห้องน้ำตามกิจวัตรที่เขาได้ทำอย่างเช่นทุกวันโดยอัตโนมัติ แต่การทำกายภาพของเขาเกิดความผิดพลาดร้ายแรงเมื่อเขาทำโดยไม่มีสติ และได้นอนหลับในขณะอยู่ในท่านั่งพิงประตู และผูกผ้าเช็ดตัวกับลูกบิดประตูห้องน้ำ ทำให้คอถูกรัดด้วยผ้าเช็ดตัวจนขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน หลังจากที่เพื่อนหญิงคนสนิทของฮิเดะที่อยู่แมนชั่นเดียวกันมาพบฮิเดะที่หมดสติในห้องน้ำในเวลาเจ็ดโมงเช้า ก็ได้เรียกรถพยาบาล และรถพยาบาลก็ได้มาถึงเวลาแปดโมงเช้า แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

หลังจากการเสียชีวิต ได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ฮิเดะ ในเมืองโยโกซูกะ โดยเปิดใช้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2000 สองปีให้หลังจากวันเสียชีวิต ในพิพิธภัณฑ์ประกอบไปด้วยเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ กีตาร์ และของใช้ส่วนตัวของฮิเดะ แต่สุดท้ายพิพิธภัณฑ์ต้องปิดตัวลงด้วยสาเหตุบางประการในวันที่ 25 กันยายน 2003
___________________________


























