สัมภาษณ์ คุณ พีรพล เกษมสุทธิ์ (Theater House Co.,Ltd)

0

สัมภาษณ์ คุณ พีรพล เกษมสุทธิ์ (Theater House Co.,Ltd)

มงคล อ่วมเรืองศรี / คณิต ภาวศุทธิพันธ์

ถอดเทปและเรียบเรียงโดย ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

IMG_3025

พลิกผันประสบการณ์ชีวิต หลายตลบจนมาบรรจบ-ลงตัวกับธุรกิจ “Theater House” ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท ณ ปัจจุบันที่เสมือนการรังสรรค์โรงภาพยนตร์ แนวใหม่ให้อยู่ในบ้าน ด้วยการวางคอนเซ็ปต์สดใหม่ที่ แตกต่างจากใครๆ ไว้ไนรูปแบบการจัดทำห้องโฮม เธียเตอร์ จนได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม งานเข้าไม่ขาดมือมาตั้งแต่ปีกลาย…

จากจุดเริ่มต้นนักเขียนวิพากษ์-วิจารณ์เกี่ยวกับการทดสอบเครื่องเสียง ประกอบกับเป็นนักเล่นเครื่องเสียงตัวยงคนหนึ่งในอดีต พีรพล เกษมสุทธิ์ หรือ “คุณหนุ่ม” ได้ก้าวเข้ามาสู่การดำเนินธุรกิจในแนวทางเครื่องเสียงและโฮม เธียเตอร์อย่างเต็มตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในฐานะกรรมการผู้จัดการของ “Theater House Co.,Ltd” ณ ศูนย์การค้า CDC ย่านถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา บริษัทที่ถือได้ว่าเป็นบริษัทแรกๆ ที่นำเอาวิธีการออกแบบโดยใช้โปรแกรม 3D มาเขียนเป็นภาพเสมือนจริงทุกอย่าง เพื่อนำเสนอต่อลูกค้าที่สนใจให้ได้เห็นถึงสภาพของห้องโฮม เธียเตอร์ที่ใกล้เคียงความเป็นจริงอย่างที่สุดเมื่อแล้วเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดห้องที่มีความถูกต้องทางด้านอะคูสติก โดยมีระบบแสงและสีสันเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งยังมุ่งเน้นในด้าน “ความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย” ในการใช้งานจริงเป็นประเด็นสำคัญ โดยใช้พื้นฐานจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในวงการเครื่องเสียงกว่า 20 ปีของคุณหนุ่ม

What Hi-Fi ? จึงได้ถือโอกาสติดต่อขอสัมภาษณ์ “คุณหนุ่ม” พีรพล เกษมสุทธิ์ เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งความคิดเห็นส่วนตัวในด้านต่างๆ ประวัติความเป็นมา รวมไปถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจ อันจักทำให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ถึงความเป็น Theater House  Co.,Ltd ที่กำลัง HOT อย่างแรงอยู่ในเวลานี้ได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย…

 What Hi-Fi ? : รบกวนช่วยเล่าประวัติที่มาที่ไปของคุณหนุ่ม สักเล็กน้อยครับ ว่าจับพลัดจับผลูอย่างไรถึงมาอยู่ในจุดนี้ได้ ?

คุณหนุ่ม : เอาที่จริงก็ผ่านมานานมากแล้วนะครับที่ผมเริ่มต้นเข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ จะว่าไปก็ตั้งแต่ประมาณ 22 ปีที่แล้วโน่นเลย…ผมก็มีจุดเริ่มต้นเหมือนคนอื่นทั่วๆ ไปที่เป็นนักเล่นเครื่องเสียงมาก่อน พอเริ่ม “ติดใจ” เลยซื้อเครื่องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซื้อๆ เปลี่ยนๆ บ้าง แถมแต่ละชิ้นก็เริ่มราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ นานวันเข้าก็มีหนังสือเล่มหนึ่งในสมัยนั้นมาติดต่อให้เป็นนักเขียน ชื่อหนังสือว่า “เครื่องเสียง” …คิดว่าคงยังพอจำกันได้ โดยเขาแนะนำว่าจะได้ไม่ต้องเปลืองงบไปซื้อเครื่องมาลองฟังเยอะแยะจะได้ประหยัดลงด้วย และผมก็ได้มีการศึกษาเรื่องการทำห้องฟังจาก Text ต่างประเทศ จึงเริ่มจัดเต็มกับห้องของตัวเองก่อนอย่างเต็มที่จนเรียกได้ว่าพร้อมสรรพสำหรับการทดสอบ จึงได้เริ่มต้นชีวิตการเป็นนักเขียน ประกอบกับช่วงนั้นยังไม่ได้รับงานอย่างอื่นเลยมีเวลาเขียนงานอย่างเต็มที่ เป็นสิบๆ ตัวต่อเดือนก็ว่าได้ หลังจากนั้นก็เริ่มมีหนังสือเล่มอื่นๆ ในวงการมาติดต่อไล่มาตั้งแต่ Digital Audio, Audio Vision, HIFI Today รวมไปถึง What Hi-Fi ? เองก็ด้วย พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็มีเว็บไซต์ของทาง Audioteam ติดต่อมา แรกเริ่มก็เข้าไปตอบปัญหาในกระทู้ แต่บางเคสก็ได้เดินทางไปดูปัญหาถึงที่ด้วยตนเอง แล้วช่วยกันปรับแก้ไขให้ พอนานๆ เข้าก็ได้ปรับแต่งห้องฟังของตนเองให้เป็น Acoustic มากขึ้นไปอีก จนมีคนติดต่อให้ไปทำห้องฟังให้ บังเอิญว่าเราเองก็มีช่างเฟอร์นิเจอร์อยู่แล้วก็เลยรับทำดู ณ ตอนนั้นตลาดโฮม เธียเตอร์ก็ยังไม่บูมมาก เนื่องด้วยเทคโนโลยีต่างๆ มันยังไม่เอื้ออำนวย แต่พอนานวันเข้าผมเริ่มรู้สึกว่า “การฟังเพลง” มันออกดูเหมือนจะเป็นการเห็นแก่ตัว เพราะเหมือนฟังอยู่คนเดียว ส่วนการทำห้องโฮม เธียเตอร์มันสามารถใช้เวลาร่วมกับครอบครัวได้จึงเบนเข็มมาด้านนี้ แถมสามารถลดปัญหาลงไปได้ด้วยสำหรับคนที่ติดต่อมาให้ทำห้องฟังให้ เพราะความซับซ้อนมันลดน้อยลงไปบ้างในเรื่องของปัญหายิบย่อย และระยะเวลาแก้ไขที่ยาวนาน และด้วยความที่เราเอางาน Interior เข้ามาประสมกับงานของเราแบบไม่เหมือนใครด้วย ก็เลยถือว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดีพอสมควร จึงได้ลูกค้าเป็นกลุ่มใหม่ที่ตั้งใจจะทำห้องโฮมอยู่แล้วด้วย

สำหรับบ้านที่มีราคาระดับเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน การแก้ปัญหาต่างๆ ก็เปลี่ยนรูปแบบไปทางด้านตกแต่งภายในซะมากกว่า อย่างไรก็ตามการที่เรานำความเป็น Acoustic เข้าไปผสมอยู่ด้วยเลยทำให้ลูกค้าไม่กล้าปรับแต่งอะไรมาก ซึ่งในบริษัทรับตกแต่งบ้านอยู่แล้ว บางครั้งบางคราวเลยได้ไปออกงาน Fair อย่างเช่น บ้านและสวนด้วย แล้วก็เลยได้ลูกค้าในกลุ่มที่เราต้องการพอดี ด้วยกลุ่มลูกค้าที่มากขึ้นเลยตัดสินใจย้ายออฟฟิศจากที่บ้านมาที่ CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา เพราะว่า ทางคนที่จองห้องจะทำโชว์รูมรถยนต์ แต่ทางเจ้าของสถานที่อย่าง CDC เห็นว่าสินค้าไม่เข้ากับแนวสถานที่ พออยู่ไปนานๆ เข้าก็ได้ย้ายโชว์รูมขึ้นไปข้างบนเป็นสองห้อง เพื่อจะได้มีพื้นที่รองรับลูกค้ามากขึ้น

IMG_3050

…ใช่ว่าความคิดที่จะย้ายสถานที่ หรือซื้อตึกเองจะไม่มี แต่ว่าจำกัดด้วยกลุ่มลูกค้าที่ติดต่อมักจะสะดวกกับตรงนี้มากกว่าเลยต้องพับเก็บไป ปัจจุบันก็ได้รับการติดต่อจากทาง SB House ให้ไปร่วมงานกัน เนื่องจากถูกใจผลงานชิ้นแรกที่ลองทำส่งไปทดลอง ซึ่งทางโชว์รูมใหม่ก็จะเปิดในช่วงปี 2015 นี้ โดยจะเน้นแนวทางการตกแต่งแบบสบายๆ Cozy living หรือ Oriental เป็นหลัก นอกจากนี้ก็ได้เริ่มขอเป็นดีลเลอร์สินค้าเยอะขึ้น แต่ยังไม่มีนโยบายที่จะนำสินค้าเข้ามาเอง อาทิ Magico บางซีรี่ส์, Martin-Logan ของทางบริษัท Comfort Sound และก็ช่วยทางบริษัท Save Audio ดูสินค้า M&K ด้วย โดยที่ทุกตัวทีรับมาเลือกด้วยความชอบส่วนตัวที่เข้ากับสไตล์ตลาดของเราด้วย

DSCF4578

 

What Hi-Fi ? : ศึกษาเกี่ยวกับความรู้ด้านนี้มาจากที่ไหนบ้าง และกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากที่ไหนครับ?

คุณหนุ่ม : ผมเริ่มศึกษาจากหนังสือเอาเป็นหลัก ส่วนกลุ่มลูกค้าก็มาจากการดีลงานห้องโฮม เธียเตอร์ที่บอกกันปากต่อปาก แล้วก็ขยายตลาดไปได้บ้านหลังใหญ่ขึ้นๆ เรื่อยๆ บางครั้งบางคราวได้ลูกค้าที่มีปัญหากับผู้รับเหมาที่ทำงานผิดพลาด พอเค้ารู้ว่าเราทำตกแต่งได้ก็เลยให้เราทำแทนไปเลยก็มี ถึงขนาดบางรายทำห้องโฮม เธียเตอร์ให้จนเสร็จแล้ว แต่บ้านยังไม่เสร็จก็มี เรียกได้ว่าไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรง แต่เน้นใช้ประสบการณ์เป็นหลัก เพราะตัวเองก็เรียนทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้ามา แต่ก็ไม่จบเพราะเจออุบัติเหตุโดนรถชนซะก่อน จึงหันมาใช้ความชอบส่วนตัวผสมกับความตั้งใจมุ่งมาทำงานในด้านนี้โดยเฉพาะ

What Hi-Fi ? : แสดงว่าทางบริษัทมีการทำงานที่รวดเร็วฉับไว ?

คุณหนุ่ม : จะว่าแบบนั้นก็ได้เพราะงานของเราเป็นการออกแบบเองทั้งหมด ดังนั้นเราจึงรู้ดีว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ควรจะออกแบบมาสไตล์ไหน แล้วในขั้นตอนของการติดตั้งเราจึงเน้นรูปแบบที่รวดเร็วและสะดวกในการติดตั้ง

 

DSCF4579

What HIFI? : แปลว่าปกติรับทำเฉพาะบ้านที่มีสัดส่วนที่แน่นอนถูกต้องรึเปล่า ?

คุณหนุ่ม : ไม่นะครับ เพราะถ้าบ้านของลูกค้ามีปัญหาก็จะเริ่มทำการแก้ไขกันก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อให้ได้ความเหมาะสม ก่อนที่จะมาลงในส่วนของรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ เช่น การเลือกใช้วัสดุที่ดูดซับเสียงเบส หรือใช้ Insulator มาพ่นผนังห้องเพื่อเพิ่มความหนา บางครั้งต้องหาวัสดุมาปิดที่ฝ้าเพิ่มด้วย เพราะส่วนมาก Interior มักจะคำนึงถึงแต่ผนัง แต่ลืมไปว่าเสียงมันสามารถทะลุฝ้าไปห้องอื่นได้ คุณพ่อ-คุณลูกที่เป็นผู้ชายอาจจะชอบความกระหึ่ม ตึงตัง แต่คุณแม่บ้านอาจไม่ชอบ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องคิดเผื่อเอาไว้ด้วย เรียกได้ว่าดูงานให้ทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่มคือ การออกแบบไปจนการสร้าง และงานการติดตั้ง-ตกแต่งห้องโฮม เธียเตอร์ แม้แต่การวางปลั๊กไฟเองก็ด้วย ยกเว้นแต่บ้านลูกค้าบางหลังที่ราคาระดับร้อยล้านขึ้นไปที่เราคงไม่ไปยุ่งกับการตกแต่งภายในมากเท่าไหร่ โดยจะรับเป็นที่ปรึกษาแทนจนกว่าห้องของลูกค้าจะเสร็จสมบูรณ์ ส่วนมากปัญหาที่เจออาจเป็นโครงสร้างเดิมที่มีข้อบกพร่องอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราเป็นคนออกแบบและสร้างเองตั้งแต่แรกจะไม่มี งานในส่วนนี้จึงต้องใช้ความอะลุ้มอล่วยระหว่างลูกค้ากับตัวเราเองเป็นสำคัญ บางหนก็อาจมียากบ้างตรงที่ “คุณผู้หญิง” ของบ้านมักไม่ค่อยเข้าใจในเนื้องานสักเท่าไหร่

DSC_0187

What Hi-Fi ? : ในการรับงานแต่ละครั้ง มีการจำกัดงบหรือแบรนด์ของสินค้าที่จะนำมาตกแต่งบ้างไหมครับ?

คุณหนุ่ม : ความจริงก็ไม่ถึงกับมีความตายตัวในการเลือกสินค้านะครับ ด้วยรูปโครงสร้างบริษัทเนื้องานที่เรารับนั้นมีราคาตั้งที่เกิน 1 แสนบาทขึ้นไปอยู่แล้ว ไล่ขึ้นไปตามความต้องการของลูกค้าแบบ Unlimited ….

 

IMG_3071

What Hi-Fi ? : ความคิดในการตกแต่งห้องที่ใช้ภาพวิวท้องฟ้ายามค่ำคืน, ภูเขา หรือ ฉากอื่นๆ ได้ไอเดียมาจากไหนครับ ?

คุณหนุ่ม : ผมเห็นเพื่อนที่ไปออกงานบ้านและสวนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว รับทำอยู่ก่อน เมื่อไปลองศึกษาและพูดคุยดูก็รู้ว่า ราคาที่เขาตั้งต่อหนึ่งห้องอยู่ที่ 3-4 แสนบาท ต้นทุนจริงๆ เขาแค่ 5-6 หมื่นบาทเท่านั้น ก็เลยลองนำไอเดียนั้นมาปรับใช้ดูเพิ่มสไตล์ของเราเข้าไปบวกกับเทคนิค ‘Lighting’ (การจัดแสง) รวมเข้ากับข้อมูลที่เรียนรู้จากหนังสือหรือเว็บไซต์ของต่างประเทศ จึงได้เป็นแนวคิดในการใช้ไฟเบอร์ออพติคมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายรูปแบบ จนถึงปัจจุบันไปออกงานบ้านและสวนก็ยังเป็นที่ฮือฮาอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าบางเจ้าที่ออกบูธอยู่นั้นก็มาว่าจ้างผมให้ทำให้เช่นกัน (หัวเราะ) ยิ่งปัจจุบันนี้ตลาดแข่งขันกันที่ราคา ซึ่งมันสามารถลดลงมาถูกลงกว่าเดิมได้ เพราะมีวัสดุจากจีน โดยบริษัทเราตั้งแต่แรกเริ่มใช้แต่ของที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น อย่างเช่น มิตซูบิชิ เป็นต้น อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะนำไปติดตั้งให้ลูกค้าผมได้ลองใช้เองก่อนแล้วจนเชื่อในคุณภาพได้

What Hi-Fi ? : มองตลาดโฮมเธียร์เตอร์ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคตครับ ?

คุณหนุ่ม : ผมคิดว่ามันจะกว้างขึ้น คนจะเข้าถึงโฮม เธียเตอร์ได้มากขึ้น ยิ่งด้วย Process ของมันเป็นดิจิตอลด้วยแล้ว ราคาก็จะดร็อปลงมาได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ แถมสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเสียงต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียงบประมาณเยอะ ทำให้เข้าไปอยู่ในบ้านได้ง่ายขึ้น คนตัดสินใจซื้อได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น โปรเจ็คเตอร์ที่ราคาลงอย่างมาก จนจับต้องได้ เมื่อนำมาเทียบกับโทรทัศน์ที่ราคาเครื่อง 70-80 นิ้วแค่แสนกว่าบาท แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้วโปรเจ็คเตอร์ก็จะลดบทบาทลงบ้างแต่ไม่หายไปแน่นอน เพราะ เสน่ห์ของมันที่มีความคล้ายฟิล์มมากกว่า

IMG_3001

What Hi-Fi ? : แล้วถ้าเกิดมีคนมาติดต่อให้ทำห้องฟังให้แบบเครียดๆ ละเอียดๆ ซีเรียสๆ จับผิดทุกอิมเมจที่เกิดขึ้นจะยังรับทำอยู่ไหมครับ ?

คุณหนุ่ม : เอาจริงๆ แล้วในส่วนนั้นงานที่รับมาจะมีสัก 5 เปอร์เซ็นต์จากร้อยเท่านั้น เพราะถ้าไม่บังคับหรือขอร้องมาก็จะไม่ทำให้ เนื่องมาจากเรากระโดดออกมาทำในสิ่งที่เรารักแล้ว มันจะมีแรงบันดาลใจในการทำงานมากกว่า ที่สำคัญการทำตลาดห้องฟังก็มีเจ้าอื่นๆ มากมายที่รับงานอยู่แล้วด้วย ผมมองว่าตลาดในส่วนนี้ควรจะทำให้เป็นแนว “แบ่งเค้กกันซะมากกว่า”

IMG_3413

What Hi-Fi ? : อยากฝากอะไรทิ้งท้ายถึงผู้อ่านบ้างไหมครับ ?

คุณหนุ่ม : ความตั้งใจของผมสำหรับการดำเนินงานในตลาดโฮม เธียร์เตอร์ คือ การทำห้องที่สามารถรวบรวมทุกคนในครอบครัวให้มาใช้เวลาอยู่ร่วมกันในห้องนี้ได้ ไม่อยากจะนำเสนอแต่ผลงานเพื่อหวังแต่ผลกำไรทางธุรกิจด้านเดียว เพราะทุกวันนี้สังคมในปัจจุบัน…มีความห่างกันในครอบครัวมากขึ้นเรื่อยๆ สังคมกลายเป็น “สังคมก้มหน้า” ที่เจอกันแปบเดียวก็แยกย้ายกันไปแล้ว ซึ่งผมคิดว่าห้องที่รวบรวมคนในครอบครัวมาให้อยู่ด้วยกันได้มีแค่ “ห้องทานข้าว” กับห้องที่ใช้ดูหนังฟังเพลง ดังนั้นผมจึงอยากคงคอนเซ็ปต์ในการใช้งานที่ต้องง่ายต่อทุกเพศทุกวัย เพื่อที่ลูกค้าจะได้ความคุ้มค่าเทียบเท่ากับเม็ดเงินที่เสียไปครับ

What Hi-Fi ? : ขอบคุณมากครับ