เล่าขานคนดัง Mark Levinson

0

Mongkol Oumroengsri

ชื่อนี้เป็นทั้งชื่อบุคคลมากความสามารถ และครั้งหนึ่งยังเป็นแบรนด์เนมเครื่องเสียงที่หลายคนใฝ่ฝันถึงตราบจนทุกวันนี้ – Mark Levinson เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อ 11 ธันวาคม 1946 โดยมีความเชี่ยวชาญแทบจะรอบด้านในแวดวงเครื่องเสียง ทั้งการออกแบบอุปกรณ์, การบันทึกเสียง, วิศวกรเสียง รวมถึงนักดนตรีผู้มีทักษะ ชื่อของเขาได้รับการยอมรับว่าคือ ตำนานของเครื่องเสียงระดับไฮ-เอนด์ โดยเริ่มต้นขึ้นจากพื้นฐานที่ Mark Levinson นั้นเป็นนักดนตรี และสนุกกับการบันทึกเสียงการเล่นดนตรีร่วมกับครูและเพื่อนๆ ซึ่งก็อยากให้ได้สิ่งที่ทำการบันทึกมีเสียงที่ดียิ่งขึ้น ซึ่ง Mark Levinson พบว่ามี 2 ส่วนด้วยกัน นั่นคือเรื่องของคุณภาพการบันทึก (recording quality) และคุณภาพการเล่นกลับ (playback quality) ซึ่งนั่นมีส่วนทำให้เขาได้แรงบันดาล และได้ก่อตั้งบริษัท MLAS, Ltd. (Mark Levinson Audio Systems, Ltd.) เพื่อผลิตทั้งอุปกรณ์บันทึกและเล่นกลับ ขึ้นมาในปี 1972 ในห้องใต้ดินของบ้านพ่อ-แม่ของเขาในเมือง Woodbridge, CT

ซึ่งในความเป็นตำนานของเครื่องเสียงระดับไฮ-เอนด์นั้น Mark Levinson ได้เคยกล่าวว่า ตัวเขานั้นเชื่อในวิศวกรรมที่ดีและการเล่นกลับอย่างซื่อสัตย์ แบรนด์เนม “Mark Levinson” ของเขาจึงไม่ค่อยมีอะไรเหมือนกันกับเครื่องเสียงระดับไฮ-เอนด์ในทุกวันนี้ อุปกรณ์เครื่องเสียงระดับไฮ-เอนด์ส่วนใหญ่มาจากความคิดถึงการตลาด อาจมีการเมืองแทรก และยังเป็นภาพลวงตา ตัวเขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เสียงระดับไฮ-เอนด์คืออะไร? …ดูเหมือนว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงราคาแพงที่ผลิตในปริมาณน้อย ตรวจสอบในนิตยสารบางฉบับและขายในร้านค้าบางแห่ง แต่นั่นไม่ใช่คำจำกัดความที่แท้จริงสำหรับคำเรียกขานนี้สำหรับเขา

จุดแรกเริ่มในความเป็นแบรนด์เนม “Mark Levinson” นั้นได้รับแรงบันดาลใจจาก Dick Burwen ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านเสียง (audio mentor) คนแรกของเขา และยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย อีกเกือบ 40 ปีต่อมา สำหรับปรัชญาของบริษัทและรุ่นของอุปกรณ์นั้น Yasuo Nakanishi แห่งประเทศญี่ปุ่นนับเป็นอาจารย์ (sensei) ผู้ยิ่งใหญ่ และยังเป็นเพื่อนที่ดีด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยบริษัทมากมายแต่น้อยคนนักที่จะทราบถึงความดีของเขา (น่าเศร้าที่ Yasuo Nakanishi ได้เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อนเนื่องจากปัญหาทางธุรกิจและความเจ็บป่วยรุมเร้า) Yasuo Nakanishi เป็นคนรักดนตรีมากๆ โดยเฉพาะในช่วงต้นทศวรรษ 1950 เช่นเดียวกับ Mark Levinson ซึ่งตัวเขาเองก็ได้รับแรงบันดาลใจจากนักดนตรีชั้นยอดที่ร่วมชั้นเรียนและเล่นดนตรีด้วยกัน อย่างเช่น Ali Akbar Khan, Paul Bley, Sonny Rollins, Chick Corea, Lee Konitz, Paul Motian, Herb Pomeroy, Elvin Jones , Jimmy Garrison, John Coltrane และอีกมากมายหลายท่าน

Mark Levinson บอกว่า เขาทำอุปกรณ์เครื่องเสียงที่เหมาะกับตัวเขาเองฉัน ไม่ได้คิดถึงโลกของออดิโอไฟล์ แต่ถ้ามีคนชื่นชอบอุปกรณ์ที่เขาออกแบบและสร้าง ตัวเขาก็จะมีความสุข ซึ่งเป้าหมายของเขาคือสร้างชิ้นงานขึ้นมาใหม่ โดยไม่ใช่ดูที่การตลาดและเหล่าออดิโอไฟล์เป็นหลัก …เป็นที่ทราบกันดีว่า ในอดีตนั้นได้มีอะไรขึ้นกับเครื่องหมายการค้าและบริษัทของ Mark Levinson ส่งผลให้เขาไม่สามารถใช้ชื่อของเขา รวมทั้งการมีส่วนร่วมในบริษัทที่เขาเป็นคนก่อตั้ง ซึ่ง Mark Levinson ได้เล่าว่า ในตอนนั้นเขายังอายุน้อย และด้อยประสบการณ์ในธุรกิจ เขาเป็นนักดนตรีจริงๆ ทำให้เปิดช่องนักธุรกิจอเมริกันบางคน “ขโมย” ชื่อและบริษัทของเขา และยังได้พยายามกีดกันให้ตัวเขาพ้นจากวงการเครื่องเสียงไปตลอดชีวิต ด้วยวิธีการทำให้บริษัทล้มละลายตามแผนที่วางไว้ และขายทุกอย่างให้กับ Harman ในภายหลัง ซึ่งนั่นทำให้ตัวเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ Mark Levinson นับตั้งแต่ปี 1980 และผลักดันให้ตัวเขาได้ก่อตั้ง Cello Ltd. ขึ้นในเวลาต่อมา

ผลิตภัณฑ์ Cello เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและถือเป็นตำนานอีกเช่นกันจากฝีมือของ Mark Levinson ผลิตภัณฑ์ Cello ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงและถูกนำไปใช้โดยบริษัทแผ่นเสียงชั้นนำ รวมถึง mastering labs ต่างๆ ด้วยรุ่น Audio Palette เช่นเดียวกับผู้ใช้ตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัยซึ่งตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ในตอนเริ่มแรกนั้นมีผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงได้คาดการณ์ว่า Audio Palette จะประสบความล้มเหลว แต่ปรากฏว่า ยอดขาย Audio Palettes ทำได้ถึง 1,000 เครื่องเมื่อเวลาผ่านไป

ทว่าในเวลาต่อมา ลูกค้ารายหนึ่งของ Cello ได้กลายเป็นนักลงทุน เขาขายบริษัทของเขาด้วยเงินสดพันล้านดอลลาร์ เขาตัดสินใจว่า เขาต้องการบริหารจัดการCello และบังคับให้ Mark Levinson ออกไปจากCello ซึ่งส่งผลให้ Mark Levinson สูญเสียเงินออมทั้งชีวิตในครั้งนี้ Cello ทำกำไรได้ 15 ปี แล้วโศกนาฏกรรมก็บังเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่เขาผู้นั้นเข้ารับตำแหน่ง แล้วก็ล้มละลายไป ซึ่ง Mark Levinson ได้กล่าวว่า เมื่อคนเราสร้างความงาม คนอื่นก็จะพยายามเอามันไปทำลาย

แล้วจากนั้น Mark Levinson ก็ได้ก่อตั้งกิจการ Red Rose Music ขึ้นมา ต่อจาก Cello Ltd. โดยกำหนดว่า จะให้ Red Rose Music เป็นความตั้งใจที่จะสร้างอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลง ราคาไม่แพง แต่มีคุณภาพสูงมาก สำหรับผู้ฟังในวงกว้าง … Red Rose Music (RRM) มีจุดโดดเด่นในการใช้ลำโพงแบบริบบิ้น ทว่าน่าเศร้าที่ “RRM” มีการฉ้อโกงจากระดับผู้บริหาร – ผู้บริหารการเงินภายในได้ทำลายบริษัท และจากนั้นก็ทำลายคอมพิวเตอร์ เพื่อไม่ให้ใครรู้ได้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาทำอะไร ซึ่งต่อมา Mark Levinson ก็ได้พยายามสร้าง “RRM” ขึ้นใหม่ แต่เศรษฐกิจโลกมีท่าทีแย่ลงเรื่อยๆ และในที่สุด Mark Levinson ก็พบว่า ยุโรปเป็นบ้านที่ดีกว่าสำหรับตัวเขาเอง

ณ ปัจจุบัน Mark Levinson ได้ก่อตั้ง Daniel Hertz ขึ้นมา ด้วยเป้าหมายของความเป็น no-compromise audio หรือไร้ซึ่งการประนีประนอมใดๆ ด้วยฝีมือการผลิตอันประณีตสุดๆ มุ่งมั่นให้ได้มาซึ่งเสียงที่เป็นธรรมชาติที่สุด มีความน่าเชื่อถือสูงสุด มีประสิทธิภาพสูงสุด และให้ความยืดหยุ่นในการใช้งาน …ทำไมจึงเลือกใช้ชื่อ Daniel Hertz ? – นั่นเพราะ Mark Levinson ต้องการใช้ชื่อตามพ่อ และนามสกุลแม่ – Daniel เป็นชื่อของพ่อ ส่วน Hertz เป็นนามสกุลของแม่ ซึ่ง Heinrich Hertz นักฟิสิกส์ที่แสดงถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นครั้งแรกนั้น เป็นลุงทวด (great uncle) ของ Mark Levinson

สวิตเซอร์แลนด์เป็นสถานที่ตั้งบริษัทของ Daniel Hertz ที่ซึ่ง Mark Levinson ได้เลือกสรรแล้ว ด้วยความที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นสถานที่ที่ดี  มีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง สกุลเงินที่มั่นคง จรรยาบรรณในการทำงานที่ยอดเยี่ยม และตั้งอยู่ใจกลางยุโรป

ผลิตภัณฑ์ของ Daniel Hertz ประกอบด้วย Speakers: M1, M2, M3, M7 / Power Amplifier. M5 TELIKOS Reference Mono Amplifier / Preamplifier: M6 1 MegOhms Preamplifier และ Daniel Hertz pure silver litz interconnect cable รวมถึงDaniel Hertz Premium 500 speaker cable ซึ่งถ้ายังจำกันได้ มีภาพข่าวระบุว่า Mr.Dimitri Medvedov แห่งรัสเซีย เป็นลูกค้าคนหนึ่งที่ครอบครอง Daniel Hertz system

ทั้งนี้เป็นที่ต้องสงสัยกันมากว่า Mark Levinson ไม่เคยได้เลือกสรรหลอด (tube) ใดๆ มาใช้งาน ผลิตภัณฑ์ของเขาล้วนเป็น Solid State ทั้งสิ้น – ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?  ซึ่ง Mark Levinson ก็ได้กล่าวว่า หลอดสุญญากาศไม่สามารถรองรับกับคุณภาพของ Daniel Hertz ได้ ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง ครั้งเดียวเท่านั้น กับผลิตภัณฑ์ Red Rose Music และนั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่จะไม่มีอีกครั้ง…  จริงอยู่ที่เราสามารถได้เสียงที่ดีจากทั้งหลอดและทรานซิสเตอร์ แต่ทว่าหลอดสุญญากาศนั้นมีข้อเสีย (downside) มากเกินไป

แล้วกับ “เงิน” (Silver) ที่ Mark Levinson ได้เลือกใช้กับสายนำสัญญาณ Daniel Hertz pure silver litz interconnect cable ล่ะ –  Mark Levinson ได้บอกว่า ตามหลักทางฟิสิกส์ “เงิน” เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด แต่กระนั้น “ทองแดง” ก็มีประโยชน์มากกว่าสำหรับสายลำโพง Daniel Hertz Premium 500 speaker cable

นอกจากนี้ Mark Levinson ยังได้เคยให้ทัศนะไว้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลว่า Digital music นับเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคมืด (dark age) ของดนตรี แต่สิ่งที่ดีจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ (But something good will come of this soon.) แต่กระนั้น Mark Levinson ก็ยอมรับในความเป็นดิจิทัลแอมป์ โดยเคยกล่าวว่า เมื่อ Class D ได้รับการออกแบบมาอย่างดี (อย่างเช่น Intersil D2Audio) ก็สามารถดีกว่าแอมป์ไฮ-เอนด์แบบแยกหลายๆ ตัวได้

สำหรับความคิดเห็นทางด้านของอะคูสติกห้องมีความสำคัญอย่างไร? Mark Levinson ได้ตอบว่า ผลิตภัณฑ์ของ Daniel Hertz ฟังได้ดีในห้องนั่งเล่นส่วนใหญ่ โดยไม่ต้องใช้ acoustic treatment ซึ่ง acoustic treatment ส่วนใหญ่จะกลายเป็นตัวทำลายเสียงซะเอง จึงขอให้เป็นตัวช่วยในบางสถานการณ์จะดีที่สุด …แล้วแนวทางการใช้ DSP รวมถึงroom correction ล่ะ – DSP room correction นั้นเป็นความผิดพลาด (DSP room correction is basically a mistake.) คือ คำตอบของ Mark Levinson

ทั้งนี้สำหรับความเป็น Mark Levinson – ระบบลำโพง HQD System ยังคงได้รับการยกย่องว่า เป็นที่สุดแห่งแนวคิดของการรังสรรค์ระบบลำโพงที่หลายคนยังตราตรึง ด้วยการเป็น “tri-amped active replay system” ที่ในแต่ละแชนแนลของสัญญาณเสียง 2-แชนแนลนั้นจะประกอบด้วย woofer ขนาด 24 นิ้วซึ่งเป็นของ Hartley drive unit จำนวน 1 ตัวทำงานร่วมกับ Quad electrostatic speakers จำนวน 1 คู่ที่ติดตั้งในลักษณะ stack และเอียงทำมุมกันเล็กน้อย ทำหน้าที่เป็น midrange ซึ่งระหว่างช่องว่างของ Quad electrostatic speakers ที่ stack กันอยู่นั้นจะมี ribbon tweeter ของ Decca ติดตั้งอยู่ทำหน้าที่ขับขานช่วงความถี่สูง โดยที่ในแต่ละแชนแนลนั้นจะได้รับการขับขานจากชุดเพาเวอร์แอมป์รุ่น ML-2 ที่รับสัญญาณตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่จาก Active crossovers รุ่น LNC-2 ซึ่งจะถูกป้อนสัญญาณจากปรีแอมป์รุ่น ML-1