Grundig เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสำหรับผู้บริโภค (Consumer Electronics) บริษัทเป็นเจ้าของคือ Arçelik A.Ş. ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน (เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก) ของกลุ่มบริษัท Koç Holding แห่งตุรกี เดิมที Grundig GmbH เป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่นของเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี 1945 โดย Max Grundig และมีสำนักงานใหญ่ส่วนใหญ่ในเมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) จนกระทั่งล้มละลายในปี 2003
จริงๆ แล้วนั้น บริษัท Grundig (ดั้งเดิม) ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมนีตะวันตกในช่วงหลังสงคราม และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวิทยุ โทรทัศน์ เครื่องบันทึกเสียง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ชั้นนำในโลกในช่วงหลายทศวรรษต่อมา ในช่วงทศวรรษ 1970 บริษัท Philips เริ่มเข้าซื้อหุ้นของ Grundig ส่งผลให้ควบคุมกิจการได้ทั้งหมดในปี 1993 แต่ในปี 1998 บริษัท Philips ได้ขายหุ้นของ Grundig ออกไป ‘Grundig’ ยื่นฟ้องล้มละลายในเดือนเมษายน 2003 หลังจากขาดทุนมาหลายปี จากภาระต้องแข่งขันกับคู่แข่งในเอเชียที่ราคาถูกกว่า
ธุรกิจของ Grundig ส่วนใหญ่ในอดีตถูกซื้อกิจการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างตุรกีและอังกฤษระหว่าง Beko และ Alba ในปี 2004 ซึ่งได้เปิดตัวแบรนด์ Grundig ประเภทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคอีกครั้งในชื่อ Grundig Intermedia GmbH ในขณะที่แผนกวิทยุในรถยนต์ของ Grundig ถูกซื้อกิจการโดย บริษัท Delphi Corporation จากอเมริกา ในปี 2007 จากนั้น Koç Holding (บริษัทแม่ของ Beko) ได้เข้าซื้อกิจการ Grundig อย่างเต็มรูปแบบ และย้ายแบรนด์ดังกล่าวไปอยู่ภายใต้บริษัทในเครือที่จำหน่ายเครื่องใช้ในบ้านอย่าง Arcelik A.Ş. ในที่สุด บริษัทที่มีประวัติยาวนานนี้ก็ถูกควบรวมเข้ากับแบรนด์อื่นของ Arçelik เพื่อก่อตั้ง Beko Germany GmbH ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ใน Eschborn ใกล้กับเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของ Arçelik ในเยอรมนีและยุโรปเหนือ ทั้งนี้ “Arcelik A.Ş.” มีพนักงานมากกว่า 27,000 คนทั่วโลก และ Grundig ก็มีโรงงานผลิตในเมืองต่างๆ หลายแห่งในยุโรป ซึ่งส่งสินค้าไปยังกว่า 65 ประเทศทั่วโลก

ในปี 1972 “Grundig GmbH” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Grundig AG หลังจากนั้น Philips ก็เริ่มทยอยสะสมหุ้นในบริษัทตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเข้าควบคุมกิจการทั้งหมดในปี 1993 ทว่า Grundig ได้ถอนตัวออกจากหุ้นส่วนนี้ในปี 1998 เนื่องจากผลงานที่ไม่น่าพอใจ และการลดลงของส่วนแบ่งการตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคของ Philips ทั่วโลก
Grundig เป็นผู้ริเริ่มเครื่องทีวีสีเครื่องแรกของเยอรมนีในปี 1981 และในปีถัดมา ได้มีการพัฒนาและทำการตลาดเครื่องจดบันทึกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Notepad) รุ่นที่สอง ในปี 1991 “Grundig” เข้าสู่ตลาดอุปกรณ์โทรศัพท์ โดยเริ่มจากโทรศัพท์ไร้สาย ต่อมาในปี 1993 “Grundig TV” ใช้รูปแบบภาพ 16:9 สำหรับการส่งสัญญาณ ในปี 1995 และ 1996 บริษัทได้รวมระบบเสียง 3 มิติ (3-D Sound Systems), ทีวี, เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม (Satellite Receivers) และโครงการอื่นๆ ที่รวมถึงคำแนะนำผู้ใช้แบบโต้ตอบ (Interactive User Guidance) อย่างไรก็ตาม Philips ได้ขายเงินลงทุนในบริษัทออกไปภายในปี 1997-1998
ปลายเดือนมิถุนายน ปี 2000 “Grundig” ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ในเมือง Fürth ไปยังเมือง Nuremberg-Langwasser บริษัทมีรายได้ 1,281 ล้านยูโรในปีถัดมา ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2002 ธนาคารของ Grundig ไม่ได้อนุมัติขยายวงเงินสินเชื่อของบริษัท ทำให้บริษัทต้องประกาศล้มละลาย (Announce Insolvency) ในเดือนเมษายน 2003 “Grundig AG” ประกาศล้มละลาย (Bankruptcy) ในปี 2003 และต่อมาในปี 2004 บริษัท Alba plc ของ สหราชอาณาจักร และบริษัท Beko ของ Koç ของตุรกี ได้เข้าซื้อกิจการ Grundig Home InterMedia System ซึ่งเป็นแผนกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคของ Grundig ร่วมกัน
ในปี 2007 ‘Grundig Mobile’ ได้ประกาศเปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux รุ่น U900 ในช่วงปลายปี 2007 บริษัท Koç Holding ของตุรกีได้เข้าซื้อกิจการ Grundig Multimedia ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Grundig Intermedia GmbH ในเมืองนูเรมเบิร์กอย่างเต็มตัว แม้ว่าบริษัทจะยังคงได้รับใบอนุญาตให้ใช้แบรนด์ Grundig ในสหราชอาณาจักรจนถึงปี 2010 และในออสเตรเลเซียจนถึงปี 2012
ในช่วงทศวรรษ 2010 ทางบริษัทยังคงผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อความบันเทิง, เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องใช้ในบ้าน บริษัทได้เข้าสู่ภาคส่วนสินค้าในครัวเรือนในปี 2013 จึงกลายเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภครายเดียวของสหภาพยุโรปที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทั้งหมด ทว่า Grundig ปิดสำนักงานในเมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) ในปี 2016 เพื่อแบ่งปันพื้นที่ทำงานกับ Beko ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองนอย-อีเซนเบิร์ก (Neu-Isenburg) ในขณะนั้น
ปัจจุบัน “Grundig Intermedia” ได้ควบรวมกิจการกับ Beko เข้าเป็น Beko Grundig Deutschland GmbH และย้ายอีกครั้งไปที่ Eschborn โดยยังคงอยู่ในเขตมหานครแฟรงก์เฟิร์ต และเปลี่ยนชื่อเป็น Beko Germany GmbH ในช่วงปลายปี 2023 แบรนด์ Grundig มีพนักงาน 1,600 คนทั่วโลกในด้านการผลิต การวิจัยและพัฒนา และการขาย สำหรับแบรนด์ Grundig นี้จัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดเล็ก และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่

สำหรับความเป็น Monolith 120 ของ Grundig นี่คือ Active loudspeaker ที่มีช่วงการผลิต 1981-1983 และ Made in Germany ขนานแท้ ภายใต้มิติขนาดตัวตู้ 640×1250×370 มม. (กว้าง×สูง×ลึก) ปริมาตรภายใน 107 ลิตร น้ำหนัก 63 กก. (ราคาดั้งเดิมเมื่อแรกจำหน่าย โดยประมาณ : 2,400 DM/ชิ้น)
สำหรับข้อมูลเทคนิคระบุว่า ระบบการทำงานแบบ 4-ทาง, ตู้ปิดสนิท (Closed Enclosure) โดยใช้วูฟเฟอร์ขนาดตัวกรวย 200 มม. จำนวน 2 ตัว ทำงานร่วมกับ Bass-Midrange Driver ขนาดตัวกรวย 200 มม. จำนวน 2 ตัว และยังมีตัวขับเสียง Midrange-Tweeter แบบ Textile Dome ขนาด 50 มม. จำนวน 7 ตัว รวมถึง Textile Dome Tweeter ขนาด 25 มม. อีกจำนวนถึง 7 ตัวด้วยกัน กำหนดจุดตัดช่วงความถี่เอาไว้ที่ 160/630/2,500 เฮิรตซ์ โดยสามารถครอบคลุมช่วงความถี่ตอบสนอง 20-25,000 เฮิรตซ์ สำหรับกำลังขับในตัวนั้นอยู่ที่ (Continuous/ Dynamic) 160/250 วัตต์ (4×40 วัตต์) ทั้งนี้ Monolith Series ของ Grundig นอกเหนือจาก Monolith 120 แล้ว ยังมีพี่-น้องร่วมซีรีส์อีก 444 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Monolith 50 ; Monolith 60 ; Monolith 80 และ Monolith 190 ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่สุดระดับ Flagship ของซีรีส์ โดยที่ Grundig Monolith 120 ได้รับการทดสอบใน “Hifi Stereophonie” ฉบับเดือนเมษายน 1983
_________________________