ลำดับที่ 52
Henry Litolff เป็นนักเปียโน และคีตกวีชาวบริติช Henry Litolff เกิดที่ London ในปี ค.ศ.1818 คุณแม่ คือ Sophie Hayes เป็นชาวสก็อตติช สำหรับคุณพ่อ คือ Martin Louis Litolff เป็นนักไวโอลินจาก แคว้นอาลซัส (Alsace) ประเทศฝรั่งเศส

เมื่อเยาว์วัย คุณพ่อเป็นผู้สอนพื้นฐานดนตรีแก่ Henry Litolff ต่อมาในปี ค.ศ.1830 Henry Litolff ได้บรรเลงเปียโนให้ Ignaz Moscheles (1794 – 1870) รับฟัง ซึ่ง Ignaz Moscheles ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สอน Litolff ซึ่ง Moscheles สอน Litolff จนถึงปี ค.ศ.1835 เมื่อ Litolff มีอายุ 17 ปี Litolff ได้แต่งงานกับ Elisabeth Etherington และคู่สามีภรรยาได้ย้ายไปพำนักที่ เมลัน (Melun) ประเทศฝรั่งเศส หลังจากนั้นได้ย้ายไปพำนักที่ปารีส

ในปี ค.ศ.1839 Henry Litolff ได้แยกทางกับ Elisabeth Etherington และ Henry Litolff ได้ย้ายไปพำนักที่กรุงบรัสเซลส์ (Brussels) ประเทศเบลเยี่ยม ประมาณปี ค.ศ.1841 Henry Litolff ได้ย้ายไปพำนักที่กรุงวอร์ซอ (Warsaw) ประเทศโปแลนด์ ซึ่ง Litolff ได้เป็นผู้อำนวยคีตนิพนธ์ให้กับ The Teatr Narodowy (National Theater)
ในปี ค.ศ.1844 Henry Litolff เดินทางไปเยอรมัน และบรรเลงใน Concerts ที่ The Leipzig Gewandhaus และที่เมืองเดรสเดิน (Dresden) รวมทั้งนำ Concerto Symphonique No. 2 ออกบรรเลงเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ Litolff ประสบความสำเร็จจากแสดงคอนเสิร์ตอย่างมากที่กรุงปราก (Prague)และกรุงเบอร์ลิน (Berlin) รวมทั้งได้สอน Hans von Bulow (1830 – 1894)

ในปี ค.ศ.1845 Henry Litolff เดินทางกลับประเทศอังกฤษ หลังจากนั้น Litolff ได้เป็นเพื่อนกับ Gottfied Meyer ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์เผยแผ่ดนตรีแห่งเบราน์ชไวค์ (Braunschweig) หรือ บรันสวิก (Brunswick) ประเทศเยอรมัน และหลังจากมรณกรรมของ Gottfied Meyer แล้ว Litolff ได้แต่งงานกับแม่หม้าย Julie ซึ่งการแต่งงานครั้งที่ 2 ของ Litolff ได้สิ้นสุดในปี ค.ศ.1858 และ Litolff ได้ย้ายไปพำนักที่ปารีส และมีภรรยาคนที่ 3 และคนที่ 4
Litolff ถึงแก่มรณกรรมที่บัวส์-โคลอมบ์ (Bois-Colombes) ใกล้กรุงปารีส ในปี ค.ศ.1891 Henry Litolff ประพันธ์คีตนิพนธ์ไว้มากมาย คีตนิพนธ์ที่สำคัญ อาทิ: Orchestral ได้แก่: Concerto Symphonique No. 1 for Piano and Orchestra in D minor (สูญหาย); Concerto Symphonique No. 2 for Piano and Orchestra in B minor, Op. 22 (1844); Reve d’un captive, for Violin and Orchestra, Op. 41;Eroica, Concerto Symphonique for Violin and Orchestra, Op. 42, (c. 1846); Concerto Symphonique No. 3 (National Hollandais) for Piano and Orchestra in E-flat major, Op. 45 (c. 1846); Reve d’amour, for Violin and Orchestra, Op. 53; Le denier Jour de la Terreur (later retitled Maximilien Robespierre), Drame Symphonique No. 1, Op. 55 (c. 1850 – 1852); Serenade, for Violin and Orchestra, Op. 61; Les Girondins (Die Girondidsten), Drame Symphonique No. 2, Op. 80 (c. 1850 – 1852); Les Guelfes (later retitled Das Welfenlied von Gustav von Meyern), Drame Symphonique No. 3, Op. 99 (c. 1850 – 1852); Chant des Belges, Drame Symphonique No. 4, Op. 101 (c. 1850 – 1852); Concerto Symphonique No. 4 for Piano and Orchestra in D minor, Op. 102 (1851 – 1852); A la memoire de Meyerbeer, Marche Funebre, Op. 116 (1864); และ Concerto Symphonique No. 5 for Piano and Orchestra in C minor, Op. 123 (c. 1867) รวมทั้ง Chamber Music, Piano Solo, Choral, Vocal, และ Opera อีกมากมาย
Henry Litolff ประพันธ์ Concerto Symphonique หมายเลข 3 ในกุญแจเสียง E-flat major, Op. 45 ในปี ค.ศ.1846 ซึ่ง Litolff อยู่ที่เนเธอร์แลนด์ ชื่อ ‘National Hollandais’ ของ Concerto Symphonique หมายเลข 3 นั้น เป็นการแสดงออกถึงความขอบคุณแด่ประชาชนแห่ง The Netherlands สำหรับอิสรภาพของ Litolff หลังจากหนีออกจากคุกในสหราชอณาจักรดังนั้น คีตนิพนธ์บทนี้จึงหมายถึงการแสดงออกถึงความรู้สึกแห่งเสรีภาพที่มีความสำคัญต่อคีตกวี (Litolff) รวมทั้งหมายถึงการสื่อสารข้อความแห่งเสรีภาพที่กว้างกว่า นอกจากนี้ Concerto Symphonique หมายเลข 3 ยังประกอบด้วยทำนองของดัตช์อีกด้วย
Concerto Symphonique หมายเลข 3 ของ Henry Litolff ได้รับการตีพิมพ์เผยแผ่ในปี ค.ศ. 1847 โดย Meyer แห่ง Braunschweig (Brunswick), Germany
สกอร์ของ Concerto Symphonique หมายเลข 3 ของ Henry Litolff กำหนดให้บรรเลงด้วยเครื่องดนตรี ดังต่อไปนี้: เดี่ยวเปียโน, ฟลูต 2 เครื่อง, โอโบ 2 เครื่อง, แคลริเน็ต 2 เครื่อง, บาสซูน 2 เครื่อง, เฟรนช์ฮอร์น 4 เครื่อง, ทรัมเป็ต 2 เครื่อง, ทรอมโบน 3 เครื่อง, กลองทิมปานี, และวงเครื่องสาย
Concerto Symphonique หมายเลข 3 ของ Henry Litolff เป็นคีตนิพนธ์แห่งความล้ำลึกซึ้ง และความมีเอกลักษณ์
Concerto Symphonique หมายเลข 3 ของ Henry Litolff ประกอบด้วย 4 ลีลา ดังต่อไปนี้:
ลีลาที่ 1: Maestoso (สง่างาม)
เริ่มต้นการบรรเลงลีลาแรกด้วยบรรยากาศแห่งการทหาร ด้วยการบรรเลงของวงเครื่องเป่าลมไม้และกลองทิมปานี ซึ่งบรรยากาศแห่งการทหารเป็นบรรยากาศที่สำคัญของท่อนการเสนอทำนองหลักครั้งที่หนึ่ง (The First Exposition Section) ซึ่งบรรเลงโดยวงดุริยางค์ อย่างไรก็ตาม มีการผ่อนคลายบรรยากาศด้วยการบรรเลงทำนองหลักที่สองซึ่งมีความไพเราะ หลังจากนั้น มีการย่างกรายเข้ามาบรรเลงของเปียโน ตามด้วยการบรรเลงท่อนการเสนอทำนองหลักครั้งที่สอง (The Second Exposition Section) ซึ่งบรรเลงโดยวงดุริยางค์และเปียโน ซึ่งการบรรเลงท่อนการเสนอทำนองหลักครั้งที่สองเป็นการขยายท่อนการบรรเลงนำซึ่งบรรเลงด้วยวงดุริยางค์ (Orchestral Introduction) แม้ว่าในขณะนี้เป็นส่วนของโครงสร้าง Sonata-ritornello ที่กว้างใหญ่กว่า
ส่วนของคีตลักษณ์ Ritornello (Ritornello Form หมายถึง คีตลักษณ์ซึ่งมีการนำทำนอง A กลับมาบรรเลงหลายครั้งเช่นเดียวกับคีตลักษณ์ Rondo) ซึ่งบรรเลงด้วยวงดุริยางค์นั้น มีการเปลี่ยนแปลงจากการบรรเลงในกุญแจเสียง B-flat major ไปเป็นการบรรเลงในกุญแจเสียงที่สัมพันธ์กัน คือ กุญแจเสียง C minor ซึ่งได้รับการทำให้เด่นชัดโสดโดยการสิ้นสุดของท้ายท่อนนี้ หลังจากนั้น มีการบรรเลงท่อนการพัฒนาทำนองหลัก (Development Section) ซึ่งยังคงบรรเลงอยู่ในกุญแจเสียง C minor โดยการบรรเลงที่ให้บรรยากาศของดนตรีแห่งราตรี (Nocturne) ตามด้วยการบรรเลงทำนองหลักที่สองที่ไพเราะสวยงาม
หลังจากนั้น มีการบรรเลงท่อน Cadenza ครั้งที่ 2 และตามด้วยการบรรเลงท่อนการย้อนกลับต้น (Recapitulation Section) ซึ่งเป็นการบรรเลงทำนองหลักที่สองที่ไพเราะ ซ้ำ การบรรเลงซ้ำครั้งแรกด้วยเปียโน และการบรรเลงซ้ำครั้งที่ 2 ด้วยวงดุริยางค์โดยพร้อมเพรียงกัน (The Orchestral Tutti) และในที่สุด ลีลาที่ 1 ได้สิ้นสุดลงด้วยท่อน Coda ที่บริบูรณ์ด้วยพลานุภาพและความมีชีวิตชีวาจากการบรรเลงที่แผ่บรรยากาศแห่งการทหาร ซึ่งเป็นการปิดฉากลีลานี้ด้วยความยิ่งใหญ่
ลีลาที่ 2: Presto (เร็วมาก)
ลีลาที่ 2 อยู่ในคีตลักษณ์ Scherzo พร้อมด้วยการบรรเลงทำนองหลักซึ่งปรากฎขึ้นบ่อยครั้ง และการบรรเลงในลักษณะแห่งการสนทนาระหว่างผู้เดี่ยวเปียโนและวงดุริยางค์ สำหรับการบรรเลงเปิดลีลานี้เป็นจำนวน 97 ห้องการบรรเลง ในกุญแจเสียง C minor นั้น เป็นการเตรียมการไปสู่การบรรเลงซึ่งเป็นจุดมุ่งเน้นที่สำคัญของลีลานี้ คือ การบรรเลงเพลงของเด็ก ๆ ชาวดัตช์ ชื่อ ‘Al is ons Prinsje nog zoo klein’ โดยวงดุริยางค์เต็มวง ซึ่งทำนองดังกล่าวได้รับการบรรเลงในรูปแบบของการไล่ล้อเลียน (Fugue)
สำหรับท่อนที่ 3 (The Third Section) ของลีลาที่ 2 บรรเลงอยู่ใน Tempo: เร็วมาก (Presto) ซึ่งบรรเลงอยู่ในกุญแจเสียง C minor และในที่สุด ลีลานี้ก็ได้จบลงด้วยท่อน Coda ซึ่งบรรเลงอยู่ใน Tempo: เร็วมาก (Presto) และบรรเลงอยู่ในกุญแจเสียง C major
ลีลาที่ 3: Andante (ช้าปานกลางหรือช้าก้าวย่างสบายๆ)
ลีลานี้อยู่ในรูปแบบสามท่อนที่เรียบง่าย (Simple Ternary Form) ด้วยการบรรเลงของเชลโลและเฟรนช์ฮอร์น โดยบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกหลักของลีลาที่ 3 คือ ดนตรีแห่งราตรี (Nocturne) และการหวนรำลึกถึงอดีต (Reminiscence) ซึ่งได้ถูกรบกวนสั้นๆด้วยการบรรเลงในลักษณะที่ตึงเครียดและเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวอย่างที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ แต่ในไม่ช้าก็ได้ย้อนกลับไปสู่การบรรเลงทำนองหลักที่เป็นหลักโดยวงดุริยางค์เต็มวง พรั่งพร้อมด้วยการบรรเลงในลักษณะ Arpeggios และการไล่สเกลที่ประดับประดาของเพียโน ซึ่งเป็นการทำให้ลีลาที่ 3 สิ้นสุดลง
ลีลาที่ 4: Allegro vivace (เร็วอย่างมีชีวิตชีวา)
ลักษณะที่สำคัญของการบรรเลงลีลาสุดท้าย คือ ความเบานุ่มและความมีชีวิตชีวา ซึ่งต้องการความว่องไวอย่างมากทั้งในท่อนการบรรเลงที่ต้องบรรเลงโน้ตเขบ็ต 2 ชั้น (Semiquavers) และในท่อนการบรรเลงที่ต้องบรรเลงขั้นคู่สิบและช่วงคู่แปดซ้อน (Tenth and Double Octaves) (Tenth Octave – ขั้นคู่สิบ หมายถึง ขั้นคู่ที่โน้ต 2 ตัว ห่างกันเป็นระยะ 10 ขั้น โดยนับโน้ตตัวแรกเป็นโน้ตตัวที่ 1) (Double Octave – ช่วงคู่แปดซ้อน หมายถึง ระยะ 2 ช่วงคู่แปด ซึ่งเท่ากับช่วงคู่ 15)
สำหรับทำนองหลักที่สองนั้น คือ ทำนองหลักของดัตช์ ซึ่งมีชื่อว่า ‘Wien Neerlands bloed’ (‘Those in whom Dutch blood’ เป็นเพลงชาติของ The Netherlands ระหว่างปี ค.ศ. 1815 – 1932) (โดย Johann Wilhelm Wilms ซึ่งเป็นที่นิยมขับร้องกันอย่างกว้างขวางใน Belgium ในปี ค.ศ. 1830) หลังจากนั้น มีการบรรเลงท่อนการพัฒนาทำนองหลัก (Development Section) และตามด้วยการบรรเลงท่อนการย้อนกลับต้น (Recapitulation Section) ด้วยวงเครื่องสายเสียงต่ำ ซึ่งอยู่ในกุญแจเสียง B major และต่อมา มีการบรรเลงทำนองที่ไพเราะซึ่งอยู่ในกุญแจเสียง E-flat major ด้วยวงดุริยางค์ ซึ่งเป็นการนำไปสู่การสิ้นสุดของลีลาที่ 4
Discography
1.ศิลปินเดี่ยวเปียโน: Peter Donohoe
วงดุริยางค์: BBC Scottish Symphony Orchestra
วาทยกร: Andrew Litton
บันทึก: Caird Hall, Dundee, 27 และ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2000
สังกัด: Hyperion Records
หมายเลขแผ่น: CDA67210 (DDD)
การตีความและการบรรเลง Concerto Symphonique หมายเลข 3 ของ Henry Litolff โดย Peter Donohoe นั้น ให้และแผ่ความสดใสบรรเจิดจ้า โทนเสียงที่ถูกต้อง แม่นยำ และคมชัด รวมทั้งสัมผัสแห่งความแผ่วเบาและความสง่างาม ที่ทำให้เกิดความทึ่งโสต ความแข็งแกร่งและพลังทางด้านจังหวะ ในขณะที่ BBC Scottish Symphony Orchestra ภายใต้ Andrew Litton นั้น ได้ให้การสนับสนุนที่เฉียบคม ซึ่งก่อให้เกิดปีติ ความตราตรึงจิตประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
การบรรเลงที่เต็มอิ่มไปด้วยพลังและความประณีตละเอียดอ่อนของ Donohoe ได้เปิดเผยและตีความแก่นของ Concerto Symphonique หมายเลข 3 ของ Henry Litolff ในทุกลีลาได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมแห่งความสอดคล้อง ความสมดุล การผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ทางด้านทำนองหลัก ทำนองประสาน พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด การตอบรับ และการตอบโต้ที่ดุเดือดเฉียบขาด Donohoe ได้บรรเลงก่อให้เกิดสีสันแห่งจิตนาการที่ตื่นโสต โดยการใช้ช่วงกว้างของการสัมผัสและ Dynamics ที่มีความเชี่ยวชาญสูง
CD ที่สุดยอดนี้ จึงเป็น CD ที่คุ้มค่าที่ต้องเก็บไว้รับฟัง โดยเต็มเปี่ยมด้วยคีตอรรถรสที่สมบูรณ์ยิ่ง คุ้มค่าสำหรับการจับคู่ที่ยิ่งใหญ่นี้ ต้องมีไว้ใน Collection ของท่าน
Donohoe บรรเลงตีแผ่ความงดงามแห่ง Concerto Symphonique หมายเลข 3 ของ Henry Litolff ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมทั้งบรรเลงได้อย่างเรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ และบรรเลงได้อย่างลึกซึ้งพรั่งพร้อมด้วยรังสีแห่งความสมบูรณ์แบบแห่งการตีความ ก่อให้เกิดความพึงพอใจอย่างลึกซึ้ง และส่งมอบสุนทรียรสแห่งคีตศิลป์ให้ท่านอิ่มเอิบจิตด้วยความสุขภิรมย์ที่แท้จริง
บันทึกใน CD แผ่นนี้ เป็นหนึ่งในบรรดาบันทึกแห่งความเป็นเลิศในทุกสีสันเส้นสายเสียงแห่งโน้ต ควรคู่ในการเก็บไว้ฟังได้ตราบนานเท่านาน ทรงคุณค่าสูง แห่งคีตศิลป์ในการสดับ และดูดดื่มด่ำกับอรรถรสที่แท้จริง คุ้มค่าโสตและคุ้มค่าจิต สำหรับการสดับคีตนิพนธ์อมตะที่ล้ำลึกซึ้งและสูงค่าแห่งคีตศิลป์
สรุปการประเมินคุณภาพ
การบรรเลงของ Peter Donohoe ★★★★★
การบรรเลงของ BBC Scottish Symphony Orchestra ★★★★★
การอำนวยคีตนิพนธ์ของ Andrew Litton ★★★★★
ความสมดุลระหว่างการบรรเลงของ Donohoe และ การอำนวยคีตนิพนธ์ของ Litton ★★★★★
การไหลของโครงสร้าง ★★★★★
การบันทึก ★★★★
Vinyl (LP)
1.ศิลปินเดี่ยวเปียโน: Michael Ponti
วงดุริยางค์: Berliner Symphonisches Orchester
วาทยกร: Volker Schmidt-Gertenbach
บันทึก: –
สังกัด: FSM Vox
หมายเลขแผ่น: –
บรรณานุกรม
1. https://en.m.wikipedia.org >
2. https://imslp.org >wiki >
3. https://www.wikipedia.com (Henry Litolff)
4. https://www.omnia.ie.com (Ignaz Moscheles)
5. https://www.encyclopediabritannica.com (Hans von Bulow)
6. https://www.shutterstock.com (Peter Donohoe)
7. https://www.thenewyorktimes.com (Andrew Litton)
____________________


























