Jean Sibelius (1865 – 1957) Symphony No. 7 in C major, Op. 105

0

ลำดับที่ 51

ตลอดชีวิตของ Sibelius ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ สำหรับซิมโฟนี แนวความคิดแห่งซิมโฟนีของ Sibelius อาศัย “ความเคร่งครัด ความเข้มงวด ความจริงจังของสไตล์และตรรกะที่ลึกซึ้ง ซึ่งสร้างสรรค์ความสัมพันธ์เชื่อมโยงภายในระหว่าง Motifs ทั้งหมด”

ซิมโฟนี หมายเลข 7 ในกุญแจเสียง C major, Op. 105 ของ Sibelius เป็นซิมโฟนีบทสุดท้ายที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแผ่ ซึ่ง Sibelius ประพันธ์คีตนิพนธ์อมตะบทนี้สำเร็จในปี ค.ศ. 1924 ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius มีความน่าสนใจ มีชื่อเสียง และมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นซิมโฟนีที่ประกอบด้วย 1 ลีลา ซึ่งแตกต่างอย่างมากไปจากหลักเกณฑ์/โครงสร้างของซิมโฟนีที่เป็นมาตรฐานซึ่งประกอบด้วย 4 ลีลา

ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “ความดั้งเดิมที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทางด้านรูปแบบ ความประณีตละเอียดอ่อนทางด้านการสร้างสรรค์และการจัดการกับความเร็ว-ความช้าของการบรรเลงที่มากมาย (Tempi) ความเป็นปัจเจกทางด้านการปฏิบัติต่อกุญแจเสียง รวมทั้ง องค์รวมทั้งหมดทางด้านการเจริญเติบโตและการพัฒนา” และ เป็น “การประสบความสำเร็จทางด้านการประพันธ์ซึ่งเป็นที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงมากที่สุดของ Sibelius”

Sibelius ประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 ระหว่างปี ค.ศ. 1918 – 1924 หลังจาก Sibelius ประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 สำเร็จในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1924 คีตนิพนธ์บทนี้ได้รับการนำออกบรรเลงเป็นครั้งแรกที่ Stockholm Konsertforeningen ในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1924 โดยมี Sibelius เป็นผู้อำนวยคีตนิพนธ์ ซึ่งคีตนิพนธ์บทนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า Fantasia sinfonica No. 1, “Symphonic Fantasy” ซึ่ง Sibelius ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะตั้งชื่อให้กับคีตนิพนธ์บทนี้ และหลังจากการพิจารณา Sibelius ก็ได้กำหนดสถานภาพให้เป็นซิมโฟนีบทหนึ่ง

ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ได้รับการตีพิมพ์เผยแผ่ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1925 ซึ่งสกอร์ (Score) ได้รับการตั้งชื่อว่า “ซิมโฟนี หมายเลข 7 (ใน 1 ลีลา) [“Symphony No. 7 (in One Movement)”]

แนวความคิดแห่งการเป็นซิมโฟนีที่ประกอบด้วยลีลาเดียวที่ได้รับการบรรเลงต่อเนื่องกันไป (Continuous, Single-Movement Symphony) นั้น เป็นแนวความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่ Sibelius ได้บรรลุถึง หลังจากกระบวนการแห่งการทดลองที่ยาวนานในการประพันธ์ (ตั้งแต่ประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 3 ในปี ค.ศ. 1907 จรดการประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 5 สำเร็จในปี ค.ศ. 1915) แม้ว่าการกล่าวถึงซิมโฟนี หมายเลข 7 เป็นครั้งแรก ได้เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1918 ก็ตาม แต่สำหรับแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 นั้น ย้อนกลับไปประมาณปี ค.ศ. 1914 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Sibelius กำลังประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 5          

Jean Sibelius

ในปี ค.ศ. 1918 Sibelius ได้อธิบายแผนงานต่าง ๆ ของ Sibelius สำหรับซิมโฟนี หมายเลข 7 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “ความเพลิดเพลินและความสุขแห่งชีวิต รวมทั้งพลังและความแข็งแกร่งแห่งการดำเนินต่อไปของชีวิต ด้วยท่อนที่บรรเลงด้วยความเคร่งเครียด จริงจัง (Appassionato Sections)” ซึ่งในขณะนั้น ซิมโฟนีบทนี้ประกอบด้วย 3 ลีลา และลีลาสุดท้าย คือ รอนโดแห่งกรีกโบราณ (“Hellenic Rondo”) อย่างไรก็ตาม ร่างการประพันธ์ที่ยังคงเหลืออยู่จากช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1920s นั้น แสดงให้ประจักษ์ว่า Sibelius กำลังประพันธ์คีตนิพนธ์ซึ่งประกอบด้วย 4 ลีลา ไม่ใช่ประกอบด้วย 3 ลีลา รวมทั้งกุญแจเสียงโดยรวมนั้น คือ กุญแจเสียง G minor และลีลาที่ 2 คือ Adagio ในกุญแจเสียง C major ซึ่งให้วัตถุดิบสำหรับทำนองหลักต่างๆ ซึ่งในที่สุด ก็เป็นการสร้างซิมโฟนีบทนี้ขึ้นมา

สำหรับร่างการประพันธ์แรกที่ยังคงเหลืออยู่ของซิมโฟนีที่ประกอบด้วย1 ลีลานั้น ระบุไว้ว่ามาจากปี ค.ศ. 1923

แม้ว่าซิมโฟนีบทนี้ปรากฎอยู่ในกุญแจเสียง D major ก็ตาม แต่ในที่สุด ซิมโฟนีบทนี้ก็อยู่ในกุญแจเสียงหลัก (Home Key) C major ซึ่ง Ralph Vaughan Williams ได้กล่าวว่า มีแต่เพียง Sibelius เท่านั้นที่สามารถสร้างกุญแจเสียง C major ให้เสียงออกมาที่สดชื่นอย่างสมบูรณ์  นอกจากนี้ Peter Franklin ได้กล่าวถึงการสรุปไว้ว่า “การเฉลิมฉลองทียิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกุญแจเสียง C major เท่าที่เคยมีมา” (“The grandest celebration of C major there ever was”)

Ralph Vaughan Williams

Sibelius มีชีวิตอยู่เป็นเวลาถึง 33 ปีหลังจากการประพันธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 สำเร็จ ซึ่งซิมโฟนี หมายเลข 7 เป็นหนึ่งในบรรดาคีตนิพนธ์สุดท้ายที่ Sibelius ประพันธ์ โดย Sibelius ได้ประพันธ์อีกหนึ่งคีตนิพนธ์ที่สำคัญสำหรับบรรเลงด้วยวงดุริยางค์สำเร็จ คือ Tapiola อย่างไรก็ตามมีหลักฐานพอที่จะเชื่อได้ว่า Sibelius ได้เผาสกอร์ของ ซิมโฟนี หมายเลข 8 ที่ได้ประพันธ์ไว้ ทิ้งไป โดย Sibelius ได้ปล่อยซิมโฟนี หมายเลข 7 ให้ยืนหยัดเป็นคีตนิพนธ์บทสุดท้ายซึ่งอยู่ในรูปแบบซิมโฟนี

ซิมโฟนี หมายเลข 7 ได้รับการกำหนดให้บรรเลงอยู่ในกุญแจเสียง C major ซี่งทุก Passage การบรรเลงที่สำคัญในคีตนิพนธ์บทนี้ อยู่ในกุญแจเสียง C major หรือกุญแจเสียง C minor และการบรรลุถึงควาหลากหลาย (Variety) โดยการดำเนินการเปลี่ยนแปลง Tempo อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งโดยการทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากมายมหาศาลทางด้านกุญแจเสียง การเชื่อมต่อระหว่างลีลาย่อย และเนื้อหาสาระ ซึ่งซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ประกอบด้วยความหลากหลายที่กว้างขวางมากในหนึ่งลีลา

สกอร์ (Score) ของซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius กำหนดให้บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีดังต่อไปนี้: 2 ฟลูต (ทั้ง 2 ฟลูตสลับสับเปลี่ยนไปเป็นพิคโคโลในลีลา Adagio ซึ่งอยู่ตอนกลางของซิมโฟนีบทนี้), 2 โอโบ, 2 แคลริเน็ต (B-flat), 2 บาสซูน, 4 เฟรนช์ฮอร์น (F), 3 ทรัมเป็ต (B-flat), 3 ทรอมโบน, กลองทิมปานี และวงเครื่องสาย

ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius ประกอบด้วย 1 ลีลา ซึ่งประกอบด้วยลีลาย่อยที่บรรเลงติดต่อกันไป โดยปราศจากการหยุด  ดังต่อไปนี้:  

          ลีลาย่อยที่ 1: Adagio –  (ช้าพอประมาณ)

ซิมโฟนี หมายเลข 7 เริ่มต้นการบรรเลงด้วยการรัวกลอง Timpani อย่างนุ่มนวล ตามด้วยการบรรเลงในลักษณะแห่งการไล่ Scale ขาขึ้นที่ช้า ๆ ในกุญแจเสียง C major และในลักษณะของจังหวะขัด (Syncopation) โดยวงเครื่องสาย (ซึ่งเริ่มต้นดวยการบรรเลงโน้ต G ของกลอง Timpani) ซึ่งนำไปสู่การบรรเลงคอร์ดที่ไม่ได้คาดหวังในกุญแจเสียง A-flat minor (ซึ่งเป็นกุญแจเสียงที่ห่างไกลจากกุญแจเสียง C major) โดยมีการบรรเลงช่วงของขั้นคู่หกไมเนอร์ (Minor Sixth) ระหว่างโน้ตแรก คือ G และโน้ตสุดท้าย คือ E flat

หลังจากนั้น มีการบรรเลง Motif หลักอย่างเบาสงบโดยฟลูตและบรรเลงซ้ำด้วยแคลริเน็ต ตามด้วยการบรรเลงทำนองคล้าย Hymn ที่มีลักษณะแห่ง Chorale ด้วยกลุ่มวิโอลาและกลุ่มเชลโลอย่างเบาสงบ ซึ่งค่อย ๆ หลอมรวมไปเป็นจุดสุดยอดครั้งแรกของซิมโฟนีบทนี้และเมื่อบรรลุถึงจุดสุดยอด วงดุริยางค์ได้เพิ่มการบรรเลงให้ดังมากขึ้นรวมทั้งเพิ่มความเข้มข้นแห่งเสียงให้มากขึ้น ซึ่ง ณ จุดสุดยอด นั้น มีการบรรเลงทรอมโบนเป็นครั้งแรกโดยบรรเลงทำนองหลักของคีตนิพนธ์บทนี้ โดยมีการเขียนคำว่า “Aino” (ชื่อของภรรยาของ Sibelius) ไว้ในร่างการประพันธ์

สำหรับทำนองหลักดังกล่าวนั้น ได้ย้อนกลับมาบรรเลง ณ ช่วงขณะที่สำคัญของซิมโฟนีบทนี้ ซึ่งก็คือ แต่ละครั้งที่มีการตอกย้ำ C ในสถานะที่เป็น Tonality

            ลีลาย่อยที่ 2: Un pochettino meno adagio – Vivacissimo – Adagio –  (ช้าพอประมาณน้อยลงนิดหน่อย – มีชีวิตชีวามาก – ช้าพอประมาณ – )

เริ่มต้นการบรรเลงลีลาย่อยนี้ใน Tempo: ช้าพอประมาณน้อยลงนิดหน่อย (Un pochettino meno adagio) ตามด้วยการบรรเลงทำนองหลักใหม่ซึ่งอยู่ใน Dorian Mode (โดยใช้การบรรเลงในลักษณะแห่งการไล่ Scale ขาขึ้นในช่วงเปิดฉากการบรรเลงลีลาย่อยที่ 1) โดยโอโบ

หลังจากนั้น Tempo ได้เพิ่มขึ้นไปเป็น มีชีวิตชีวามาก (Vivacissimo) พร้อมด้วยการบรรเลงคอร์ดในลักษณะเสียงขาดห้วน (Staccato Chords) ที่รวดเร็วจากการบรรเลงสลับสับเปลี่ยนระหว่างวงเครื่องสายและวงเครื่องเป่าลมไม้ ต่อมา อารมณ์ความรู้สึกได้เปลี่ยนไปเป็นความดุเดือดและความรุนแรงจากการบรรเลงในลักษณะแห่งการไล่สเกลขาขึ้นและขาลงโดยวงเครื่องสาย พร้อมด้วยการบรรเลงทำนองหลัก “Aino” อีกครั้งโดยวงเครื่องเป่าทองเหลือง ตามด้วยการบรรเลงที่เปลี่ยนจากกุญแจเสียง A flat ไปเป็นกุญแจเสียง C major ซึ่งเป็นกุญแจเสียงหลัก ในที่สุด ลีลาย่อยที่ 2 ก็ได้สิ้นสุดลงด้วย Tempo: ช้าพอประมาณ (Adagio)

            ลีลาย่อยที่ 3: Allegro molto moderato –  (เร็วอย่างปานกลางมาก)

ในลีลาย่อยที่ 3 ซึ่งคือตอนกลางของซิมโฟนีบทนี้ ได้ถูกโอบล้อมด้วยท่อน Scherzo สองท่อน โดยมีการบรรเลงทำนองหลักในลักษณะแห่งการประโคม (Fanfare) ที่แข็งแกร่งและทรงพลังเป็นหลัก ซึ่งบรรเลงอยู่ในอัตราจังหวะ 6/4      

            ลีลาย่อยที่ 4: Vivace – Presto – Adagio (มีชีวิตชีวา – เร็วมาก – ช้าพอประมาณ)

ลีลาย่อยที่ 4 เป็นลีลาแห่งการสรุปที่สั้นและย่นย่อมาก มีการบรรเลงทำนองหลักของทรอมโบนแห่งการเปิดฉากการบรรเลง พร้อมด้วยการบรรเลงทำนองหลักที่ทรงพลานุภาพ ปีติ และรุ่งโรจน์ซึ่งอยู่ใน Tempo:เร็วมาก จากการบรรเลงของวงดุริยางค์ทั้งวง และในที่สุด ลีลาย่อยที่ 4 ก็ได้สิ้นสุดลงด้วย Tempo: ช้าพอประมาณ (Adagio)

ซิมโฟนี หมายเลข 7 เป็นคีตนิพนธ์ที่แสดงให้ประจักษ์ถึง “ตรรกะที่ลึกซึ้ง” ซึ่ง Sibelius ได้ประพันธ์ไว้ รวมทั้งเป็นการสร้างสรรค์ การพัฒนา และความสำเร็จที่พิเศษและที่น่าประหลาดใจแห่งการหลอมรวมและการแปลง (Fusion and Transformation) ของ Sibelius ซึ่งก็คือ หนึ่งลีลาที่สร้างความประทับใจแห่งสองลีลาย่อยที่เร็ว ซึ่งตรึงติดอย่างมั่นคงอยู่ในTempo: ช้าพอประมาณ (Adagio) ที่มีขนาดใหญ่

ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius เป็นซิมโฟนีที่แท้จริง (“True” Symphony) แห่งการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว (Unity) ความน่าดึงดูดใจมนต์เสน่ห์ ความเข้มข้นของการแสดงออก และความมีเอกลักษณ์

Discography

CD

1. วงดุริยางค์: Philadelphia Orchestra

วาทยกร: Eugene Ormandy

บันทึก: ค.ศ. 1982

สังกัด: RCA Red Seal

หมายเลขแผ่น: –

Eugene Ormandy

การอำนวยคีตนิพนธ์และการบรรเลงซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius โดย Ormandy และ Philadelphia Orchestra สำหรับบันทึกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ (Historic Recording) นี้ เป็นที่ยอมรับในคีตภพ Classical ว่า คือผลการดำเนินการแห่งการตีความ การอำนวยคีตนิพนธ์ และการบรรเลง รวมทั้งเป็นบันทึกที่มีความสุดยอดเยี่ยมของความสวยงามแห่งคีตศิลป์อย่างแท้จริง รวมทั้งบริบูรณ์ด้วยพลัง ความเบิกบานใจ ความประณีตละเอียดอ่อน และความลึกซึ้ง

CD แผ่นนี้บรรจุบันทึกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่สุดยอดแห่งการอำนวยคีตนิพนธ์ซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius และเป็น  State of the Art ของ Ormandy ที่เป็นเลิศในทุกลีลา สืบเนื่องจาก Ormandy เป็นหนึ่งในบรรดาวาทยากรผู้เชี่ยวชาญหรือเป็น Champion แห่งคีตนิพนธ์ซึ่งกำหนดให้บรรเลงด้วยวงดุริยางค์ของ Sibelius ความเข้าใจอย่างถ่องแท้และลึกซึ้งประณีตละเอียดอ่อนแห่งการตีความของ Ormandy นั้น คือ ตำนานระดับสุดยอดแห่งคีตศิลป์โดยตีแผ่ความซับซ้อนของซิมโฟนีหมายเลข 7 ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ซาบซึ้งตราตรึงจิตยิ่ง

ภาพซึ่งเป็นประวัติศาสตร์: Jean Sibelius และ Ormandy (Ormandy ไปเยี่ยม Sibelius ที่หมู่บ้าน Ainola ซึ่งห่างจาก Helsinki 40 ไมล์ เมื่อปี ค.ศ. 1955
ขณะที่ Sibelius มีอายุ 89 ปี)

Eugene Ormandy เป็นที่ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในบรรดา Champions แห่งคีตนิพนธ์ซิมโฟนี และคีตนิพนธ์ที่กำหนดให้บรรเลงด้วยวงดุริยางค์ของ Sibelius (Champions ท่านอื่น อาทิ: Robert Kajanus, Herbert von Karajan, Sir John Barbirolli, Sir Alexander Gibson และ Okko Kamu)

บันทึกที่บรรจุใน CD แผ่นนี้ คือ Historic Recording แห่งการอำนวยคีตนิพนธ์และการบรรเลงซิมโฟนี หมายเลข 7 ของ Sibelius และเป็น Connoisseur ของ Eugene Ormandy และ Philadelphia Orchestra ที่สุดเลิศ รวมทั้งเป็นตำนานที่แท้แห่งคีตศิลป์ซึ่งได้ตีแผ่ความล้ำลึกซึ้งของคีตนิพนธ์บทนี้ได้อย่างประทับจิตยิ่ง

สรุปการประเมินคุณภาพ

การบรรเลงของ Philadelphia Orchestra                               5 ดาว

การอำนวยคีตนิพนธ์ของ Eugene Ormandy                            5 ดาว

การไหลของโครงสร้าง                                                        5 ดาว

การบันทึก                                                                    3.5 ดาว

ตำนานระดับสุดยอดแห่งคีตศิลป์ที่ตีแผ่ความเบิกบานจิต มนต์เสน่ห์ ความซาบซึ้งตราตรึงใจ และสัมผัสแห่งคีตศิลป์ที่แท้จริง

2.วงดุริยางค์: Berliner Philharmoniker

วาทยกร: Herbert von Karajan

บันทึก: ค.ศ. 1966

สังกัด: Deutsche Grammophon

หมายเลขแผ่น: 457 7482 4 GOR2 (2CDs) (ADD)

 

บันทึกใน CD นี้ คือ หนึ่งในบรรดาสุดยอดตำนานการบันทึกการอำนวยคีตนิพนธ์ของ Karajan เป็นการตีความที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดบันทึกหนึ่ง ซึ่งบันทึกนี้มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก

3.วงดุริยางค์: Halle Orchestra

วาทยกร: Sir John Barbirolli

บันทึก: No. 1 Studio, Abbey Road, London, 23 มกราคม ค.ศ. 1966

สังกัด: EMI

หมายเลขแผ่น: 5 67299 2 (5CD)

……………………………..

4.วงดุริยางค์: Royal Scottish National Orchestra

วาทยกร: Sir Alexander Gibson

บันทึก: The SNO Centre, Glasgow, 1982

สังกัด: Chandos 

หมายเลขแผ่น: CHAN 6559 (Set) (DDD)

Sir Alexander Gibson เป็นหนึ่งในบรรดาวาทยากรผู้เชี่ยวชาญคีตนิพนธ์ซิมโฟนีของ Sibelius ในปี ค.ศ. 1978 Sir Alexander Gibson เป็นหนึ่งในบรรดาบุคคลไม่กี่ท่านที่ได้รับรางวัล The Sibelius  Medal จากการที่ Sir Alexander Gibson เป็นผู้ที่ได้สร้างคุณูปการที่ยอดเยี่ยมในการทำให้เกิดความซาบซึ้งแห่งดนตรีของ Sibelius ทั่วโลก

5.วงดุริยางค์: Royal Philharmonic Orchestra

วาทยกร: Sir Thomas Beecham

สังกัด: EMI (DRM)

บันทึก: –

หมายเลขแผ่น: CDM 7 63400 2 (ADD)

……………………………..

6.วงดุริยางค์: Copenhagen Philharmonic Orchestra

วาทยกร: Okko Kamu

สังกัด: Scandinavian Classics

บันทึก: –

หมายเลขแผ่น: 220507

……………………………..

7.วงดุริยางค์: Gothenburg Symphony Orchestra

วาทยกร: Neeme Jarvi

บันทึก: –

สังกัด: BIS

หมายเลขแผ่น: CD-311 (DDD)

……………………………..

8.วงดุริยางค์: Vienna Philharmonic Orchestra

วาทยกร: Lorin Maazel

บันทึก: ค.ศ. 1968

สังกัด: Decca (Legendary Performances)

หมายเลขแผ่น: – (ADD)

……………………………..

9.วงดุริยางค์: Pittsburgh Symphony Orchestra

วาทยกร: Lorin Maazel

บันทึก: –

สังกัด: Sony Classical

หมายเลขแผ่น: – 
……………………………..

10.วงดุริยางค์: Helsinki Philharmonic Orchestra

วาทยกร: Paavo Berglund

บันทึก: –

สังกัด: EMI  

หมายเลขแผ่น: –

……………………………..

11.วงดุริยางค์: Boston Symphony Orchestra

วาทยกร: Leonard Bernstein

บันทึก: –

สังกัด: Deutsche Grammophon

หมายเลขแผ่น: 431 768-2 GH (DDD)

……………………………..

12.วงดุริยางค์: New York Philharmonic Orchestra

วาทยกร: Leonard Bernstein

บันทึก: –

สังกัด: Sony Classical

หมายเลขแผ่น: –

……………………………..

13.วงดุริยางค์: Philharmonia Orchestra

วาทยกร: Vladimir Ashkenazy

บันทึก: –

สังกัด: Decca

หมายเลขแผ่น: 411 935-2 DH (DDD)

……………………………..

14.วงดุริยางค์: USSR State Radio and Television Symphony Orchestra

วาทยกร: Gennady Rozhdestvensky

บันทึก: –

สังกัด: Yedang Entertainment [w1] 

หมายเลขแผ่น: –

……………………………..

Vinyl (LP)

1.วงดุริยางค์: Philadelphia Orchestra

วาทยกร: Eugene Ormandy

บันทึก: ค.ศ. 1982

สังกัด: RCA Red Seal

หมายเลขแผ่น: ARL1-4566

บรรณานุกรม

1. https://en.m.wikipedia.org >

2. https://imslp.org >wiki >

3. https://www.gettyimagesi.com (Jean Sibelius)

4. https://www.gettyimages.com (Ralph Vaughan Williams)

5. https://www.eugeneistomin.com (Eugene Ormandy)

Jean Sibelius ในปี ค.ศ. 1935 กำลังนั่งเป็นแบบให้ช่างปั้น Vaion Altonen

_____________________