“SACD กับ DVD-Audio: สองอัจฉริยะที่คนฟังเพลงทั่วไปไม่รู้จัก… แต่โลก Hi-Fi ไม่มีวันลืม!”
“10 หมุดหมายแห่งโลก Hi-Fi” ตอนที่ 8
หากยุค 80s คือช่วงเวลาทองของ CD ปี 1999 คือเวลาที่สองสุดยอดเทคโนโลยีเสียงความละเอียดสูงถือกำเนิด—แต่กลับไม่มีใครพูดถึงพวกเขาเท่าที่ควร ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง SACD (Super Audio CD) และ DVD-Audio สองสุดยอดฟอร์แมตเสียงที่ถือว่า “ล้ำหน้าเกินกาลเวลา” และยังคงเป็นตำนานสำหรับนักฟังตัวจริงมาจนถึงวันนี้
SACD และ DVD-Audio คืออะไร?
ในขณะที่ CD ให้เสียงความละเอียด 16-bit/44.1kHz
DVD-Audio ยกระดับขึ้นไปถึง 24-bit/192kHz
SACD ใช้เทคโนโลยีชื่อว่า DSD (Direct Stream Digital) ที่ให้การสุ่มสัญญาณเร็วกว่า PCM เดิมถึงหลายเท่า ผลลัพธ์คือเสียงที่คมชัด ละเอียดลึก และไดนามิกกว้างไกลกว่าที่ CD ทำได้ นี่คือสิ่งที่นักฟังระดับจริงจังตามหามาทั้งชีวิต

เสียงรอบทิศ… ที่ CD ให้คุณไม่ได้
ทั้ง SACD และ DVD-Audio รองรับระบบเสียงแบบ Multichannel หรือ Surround Sound ใครที่เคยฟังเพลงจากแผ่นพวกนี้ในชุดโฮมเธียเตอร์จะเข้าใจว่า “เสียงไม่ได้อยู่แค่ตรงหน้า แต่มันอยู่รอบตัวเรา” นี่คือประสบการณ์ที่ทำให้การฟังเพลง กลายเป็นการ “อยู่ในดนตรี” มากกว่าการฟังมัน
เลเยอร์ซ้อน ฟังก์ชันลึก แต่เข้าใจยาก?
แม้แผ่นจะหน้าตาคล้าย CD แต่ภายในนั้นคือ ข้อมูลหลายชั้น หลายรูปแบบ ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดเสียงได้ เช่น Stereo แบบดั้งเดิม Multichannel สำหรับชุดโฮมเธียเตอร์ ความละเอียดเสียงที่ต่างกัน แต่ปัญหาคือ… “ผู้เล่นทั่วไปอ่านไม่ออก!” การจะเล่น SACD หรือ DVD-Audio ให้ได้คุณภาพสูงสุด ต้องใช้เครื่องเฉพาะทาง ซึ่งราคาก็ “เฉพาะทาง” เช่นกัน

ทำไมไม่ปังเท่า CD?
แม้จะให้เสียงที่ “เหนือกว่า” อย่างชัดเจน แต่ฟอร์แมตทั้งสองกลับไม่เคยเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคทั่วไป เพราะ… ต้องมีเครื่องเล่นเฉพาะ แผ่นมีราคาสูง ไม่มีการโปรโมตแบบแมส และกำลังถูกเบียดด้วยการมาของ ไฟล์ดิจิทัล และ MP3 ที่ทั้งถูกและสะดวกกว่า สุดท้าย SACD กับ DVD-Audio จึงถูกมองว่าเป็น “ของเล่นของนักฟังจริงจัง” เท่านั้น
แต่ทั้งสองไม่ได้หายไป… พวกเขา “ผลักวงการให้กล้าฝัน”
แม้จะไม่ถูกยอมรับในวงกว้าง แต่ SACD และ DVD-Audio ได้ ตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเสียงดิจิทัล พวกเขาพิสูจน์ว่า “เสียงจากแผ่น” ยังไปได้ไกลกว่าที่ใครคิด จุดกระแส High-Resolution Audio และการสตรีมแบบ Hi-Res ที่เราฟังกันในปัจจุบัน กระตุ้นให้แบรนด์เครื่องเสียงพัฒนาระบบ DAC และ Player ให้รองรับคุณภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือพิมพ์เขียวที่ทำให้ TIDAL, Qobuz, Apple Music Lossless หรือแม้แต่ FLAC กลายเป็นเรื่องปกติในโลกวันนี้
สรุป: SACD กับ DVD-Audio ไม่ได้ล้มเหลว… พวกเขา “ล้ำเกินไป” สำหรับยุคนั้น
พวกเขาอาจไม่ใช่ฟอร์แมตที่คนทั่วไปจำได้ แต่สำหรับสาย Hi-Fi แล้ว พวกเขาคือ หลักไมล์สำคัญที่พิสูจน์ว่า “เสียงดิจิทัลก็มีวิญญาณได้” และหากคุณยังไม่เคยได้ยินเสียงจากแผ่นเหล่านี้ด้วยตัวเอง… ขอแนะนำว่า “อย่าตัดสินจนกว่าจะได้ลองฟังด้วยหูของคุณเอง”
………………………
































