ด้วยราคาที่ตั้งไว้ 30,000 ปอนด์ ในปี 1995 “Project T-1” จึงเป็นผลิตภัณฑ์อันไม่ธรรมดา!…นี่คือเครื่องขยายเสียงขั้นสุดยอดของ Marantz…นี่คือเครื่องขยายเสียงระดับคลาสสิก ที่ใช้หลอดสุญญากาศมาผลมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในแบบฉบับของโมโนบล็อกอันน่าทึ่ง!!
“Project T-1” นับเป็นผลงานการออกแบบระดับสุดยอดของ Marantz Japan Inc.(MJI) ซึ่งในยุคสมัยนั้นถือเป็นแผนกหนึ่งของ Philips ในฐานะของบริษัทญี่ปุ่น/เนเธอร์แลนด์ที่เน้นตลาดมวลชน (Mass Market) และได้ชื่อเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นหนึ่งในเครื่องขยายเสียงที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งด้วยมุมมองของ Philips ที่มีต่อ Marantz (ในฐานะเป็นแผนกหนึ่งของ Philips นั้น) หากจะหาผู้ผลิตชาวญี่ปุ่นที่สามารถต่อกรกับผลิตภัณฑ์ระดับไฮ-เอนด์สุดขั้วได้ ก็คงต้องเป็น Marantz เท่านั้น เพราะเป็นบริษัทที่มีความสามารถมากพอที่จะจ้าง Ken Ishiwata (บุคคลระดับตำนาน) ด้วยเป้าหมายในการสรรค์สร้าง “โครงงานสุดพิเศษ” อันเป็นที่มาของเครื่องขยายเสียงหลอดฯ แบบโมโนบล็อก “Project T-1” ซึ่งได้ทำให้วงการต้องประหลาดใจในประสิทธิภาพของ Project T-1
“Project T-1” นั้นเป็นผลงานของ Mr.Kosaku Ueno วิศวกรของ Marantz ในยุคนั้น ที่ส่งผลให้ผู้ใช้งานได้รู้สึกราวกับว่า กำลังอยู่ท่ามกลางสิ่งพิเศษบางอย่าง เพราะมันดูไม่เหมือนเครื่องขยายเสียงรุ่นอื่นที่เคยมีมาก่อนหน้านี้…ในแต่ละข้างของ Project T-1จะมีขนาด 556×495×496 มม. (กว้าง×สูง×ลึก) และหนักถึง 65 กก. สำหรับเครื่องขยายเสียงขนาด 50 วัตต์ ดังนั้นโมโนบล็อก 2 ตัวจึงใช้พื้นที่ค่อนข้างมากสำหรับการตั้งวาง
แผงด้านหน้าสีแชมเปญโกลด์ (Champagne Gold) ของ Project T-1 นับได้ว่า ดึงดูดสายตาด้วยมิเตอร์ทรงกลมเดี่ยวโดดที่ชวนให้นึกถึงดีไซน์รุ่นเก่าๆ ของ Marantz ซึ่งให้สัมผัสแบบ “ย้อนยุค” ทั้งนี้มิเตอร์ตัวนี้มิได้ใช้งานสำหรับการปรับไบแอสของหลอด (เนื่องจาก Project T-1 มีฟังก์ชันอัตโนมัติ ‘Self-Bias’ ในตัว) แต่ทำหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมของหลอดฯ (ซึ่งดูดีมาก) หรือ หลอดเอาต์พุต ซึ่งด้วยมิเตอร์นี้ สามารถยืนยันสภาพสมดุล DC ของหลอดสุญญากาศในแต่ละขั้นตอน ขั้นตอนที่หนึ่ง V1 และ V2 (หลอดเกน 300B) ; ขั้นตอนที่สอง V3 และ V4 (หลอดไดรเวอร์ 300B) และขั้นตอนสุดท้าย V5 และ V6 (หลอดเอาต์พุต 845) ได้ โดยสัมพันธ์กับสวิตช์เลือกการทำงานมิเตอร์ (Meter Selector) ที่อยู่ด้านล่างถัดลงมา เป็นตัวเลือกในการเลือกระหว่างการตรวจสอบหลอด
บนแผงด้านหน้าเครื่องยังมีสวิตช์ใหญ่ที่อยู่ทางด้านขวาของแผงหน้าคือ ปุ่มเปิด/ปิด (Power) ในขณะที่ด้านซ้ายสุดคือ ปุ่มควบคุมเกน (Attenuator) ในขณะที่แผงหลังเครื่องนั้นแทบจะเต็มไปด้วยแผงระบายความร้อนขนาดใหญ่ พร้อมกับชุดขั้วต่อสายลำโพง (Speaker Output) แบบ Binding Post ตามปกติ พร้อมกับ Canon Terminal และการเชื่อมต่ออินพุตแบบบาลานซ์โดยเฉพาะ (XLR Connection) เพื่อใช้งานร่วมกับปรีแอมป์ หรือ แหล่งกำเนิดสัญญาณที่เป็นแบบ Fully Balanced (เฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องเล่นซีดี Marantz : CD-12 KI Signature ซึ่งมีเอาต์พุต XLR ที่เหมาะสมกัน)
Ueno-San ถือเป็นคนที่เข้าใจในความเป็นหลอดฯ ได้ดีกว่าคนอื่นๆ จึงได้ออกแบบ Project T-1 ให้ใช้ทั้งหลอด 300B และ 845 แต่สิ่งที่นักเล่น SET (Single-Ended Triode) จะต้องเจอจริงๆ ก็คือ หลอด 300B ไม่ใช่ทำหน้าที่หลอดเอาต์พุต แต่กระนั้นก็ต้องมีคนพูดว่า “เห็นไหม Marantz ใช้หลอดเอาต์พุต 300B” และโปรดทราบว่า Project T-1 ประกอบด้วยหลอด 5U4G-1 หลอด ; หลอด 845 จำนวน 4 หลอด และ หลอด 300B จำนวน 4 หลอด
สำหรับหลอดสูญญากาศ 300B ใช้สำหรับขั้นตอนแรกและขั้นตอนไดรเวอร์ ส่วน 845 ใช้สำหรับขั้นตอนในลักษณะผลัก-ดึง (Push-Pull) ในขั้นตอนการขยายสุดท้าย “845” เป็นหลอด Direct-Heated Triode ขนาดใหญ่ที่ให้ความร้อนโดยตรง และมีความเป็นเส้นตรงดีเยี่ยม รวมทั้งความผิดเพี้ยนลำดับคี่ต่ำ หลอด 5U4G ใช้สำหรับวงจรเรียงกระแสแหล่งจ่ายไฟ B สำหรับขั้นตอนแรก และขั้นตอนไดรเวอร์ และ Direct-Heated Triode 845 ใช้สำหรับวงจรเรียงกระแสแหล่งจ่ายไฟ B ให้แก่ขั้นตอนสุดท้าย
แหล่งจ่ายไฟ B สำหรับขั้นตอนแรกและขั้นตอนไดรเวอร์ หม้อแปลงสำหรับแหล่งจ่ายไฟแต่ละไส้หลอด และหม้อแปลงไฟฟ้าแรงดันสูง สำหรับขั้นตอนสุดท้ายประกอบขึ้นอย่างแยกจากกันเป็นอิสระ นอกจากนี้ Choke Coils จะถูกสอดเข้าไปในแต่ละขั้นตอน และแหล่งจ่ายไฟไส้หลอดสำหรับระบบขยายสัญญาณเป็นวงจรกระแสคงที่ (Constant Current Circuit) ดังนั้นจึงให้การทำงานที่เสถียร และระงับกระแสไฟกระชากเมื่อเปิดเครื่อง ทั้งยังยืดอายุการใช้งานของหลอดสุญญากาศ
แรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ B ในขั้นตอนการขยายสัญญาณแต่ละขั้นตอนคือ 184 โวลต์ สำหรับขั้นตอนแรก, 382 โวลต์ สำหรับขั้นตอนที่สอง และ 970 โวลต์ สำหรับขั้นตอนสุดท้าย นอกจากนี้ ตัวเก็บประจุ MP ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ยังใช้เป็นตัวเก็บประจุตัวกรองสำหรับแหล่งจ่ายไฟเหล่านี้
ในความเป็นจริงนั้น Project T-1 จะใช้ 300B หนึ่งคู่เป็นอินพุต สเตจ ส่วนคู่ที่สองทำหน้าที่ปรีไดรเวอร์ สเตจ และใช้ 845-2 หลอดเป็นสเตจสุดท้าย ทำหน้าที่ Output Stage ในลักษณะผลัก-ดึง เพื่อส่งกำลัง 50W ตามที่อ้างไว้ในโหลด 8 โอห์ม (โดยสูงสุดที่สามารถทำได้ภายในสเปกฯ คือ 75W แต่สร้างเสียงที่ทรงพลัง และหนากว่าเครื่องขยายเสียงทรานซิสเตอร์ 1KW!!) “Project T-1” ทำงานในโหมด Push-Pull Class A ในแบบ Balanced ตลอดช่วง อีกทั้งยังไม่มี Negative Feedback อีกด้วย หลอด 5U4G หลอดเดียวนี้เป็นแหล่งจ่ายไฟสำหรับสองสเตจแรก
เนื่องจาก Marantz ตัดสินใจว่า ตัวแปลงไฟ (Rectifiers) แบบโซลิด-สเตตมีสัญญาณรบกวนเกินไป (Too Noisy) ในขณะที่อีก 2 หลอดของ 845 ทำหน้าที่ “ให้บริการ” (Service) อีกคู่ของ 845 ซึ่งทำหน้าที่ Output Stage ทั้งนี้พลังงานของไส้หลอด (Tube Filament) มาจากแหล่งจ่ายไฟแบบ Solid-State Constant-Current Supplies เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และให้ความเสถียร ซึ่งนี่เองที่ทำให้ Marantz สามารถอ้างได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า Project T-1 น่าจะ “น่าเชื่อถือ” พอๆ กับเครื่องขยายเสียงแบบโซลิด-สเตต
Project T-1 ทำงานในแบบพุช-พูล คลาส A ที่ไม่มีฟีดแบ็ก (Class A Push-Pull, Non-Feedback Amplifier) ในลักษณะของ Balanced Configuration พร้อมการเชื่อมต่อหม้อแปลง (Transformer-Coupled) สำหรับทุกขั้นตอน ตั้งแต่อินพุตถึงเอาต์พุต ซึ่งจะช่วยขจัดการบิดเบือนทุติยภูมิ (Secondary Distortion) ของหลอด 3-ขั้ว และการกระเพื่อม (Ripple) ของภาคจ่ายไฟ ผู้ใช้จะสังเกตเห็นว่า แต่ละแชสซีมีหม้อแปลงถึง 7 ตัว, โช้กเหนี่ยวนำสูง (High-Inductance Filter Chokes) 3 ตัว และภาคจ่ายไฟอีกถึง 11 สเตจ โดยที่โซลิด-สเตตด้านหลังเครื่องมีส่วนสำคัญในรูปแบบของไมโครโปรเซสเซอร์ที่คอยตรวจสอบสถานะของแอมป์ และป้องกันไม่ให้โหลดเกิน (Overload) ขณะเปิดเครื่อง และยังช่วยปกป้องแอมป์นี้ไว้หากผู้ใช้ลืมต่อโหลดลำโพง
ภายในของ Project T-1 อุดมไปด้วยชิ้นส่วนคุณภาพ ซึ่งชิ้นส่วนแต่ละชิ้นได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถดึงคุณภาพเสียงออกมาได้สูงสุด นอกจากนี้ Marantz ยังตั้งเป้าที่จะให้ Project T-1 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นในขณะนั้น โดยไม่ใช้สต็อกที่มีจำกัด หรือ ผ่านการใช้งานแล้ว อย่างเช่น Dale Resistors, ซ็อกเก็ตขั้วหลอดของ Johnson, Aerovox Caps, หม้อแปลงเสียงของ OPT (Audio Transformers ทั้งหมดผลิตโดย OPT ซึ่งเดิมชื่อ UTC : United Transformers Corporation นับเป็นผู้ผลิตหม้อแปลงที่เชื่อถือได้ในสหรัฐอเมริกา) และหลอดฯที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษ (หลอดสุญญากาศทั้งหมดที่ใช้สำหรับ Project T-1 ได้รับการคัดเลือกอย่างระมัดระวัง และเฉพาะหลอดที่ผ่านมาตรฐาน Marantz เท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือก และใช้งานพร้อมโลโก้ Marantz ประทับอยู่บนหลอด)
ตัวเครื่องของ Project T-1 เป็นโครงสร้างแบบ 2 ชั้น ประกอบด้วยตัวเครื่องเหล็กชุบทองแดง (Copper Plated Steel Chassis) ที่สวยงามและแข็งแรง ส่วนภายนอกเป็นอะลูมิเนียมหนา การจัดวางประกอบด้วยหม้อแปลงไฟฟ้า 2 ตัว และคอยล์โช้ก 2 ตัว ที่วางไว้ด้านหลังแผงด้านบน รวมทั้งหม้อแปลงเสียง (Audio Transformers) 4 ตัว ที่วางไว้ภายในตัวเครื่องใต้หลอดสุญญากาศ เพื่อลดการเดินสายภายในให้ได้เส้นทางสัญญาณที่สั้นที่สุด และปรับปรุงสมดุลน้ำหนัก…ยกเว้นขั้วเสียบสายลำโพง (Binding Posts) ซึ่งรับได้เฉพาะหางปลาขนาดเล็ก หรือ สายเปล่า (Bare Wire) นอกนั้น Project T-1 ก็ไม่มีอะไรต้องน่าตำหนิ… วงจรไบแอสตัวเอง (Self-Bias Circuit) ของ Project T-1 ถูกใช้ในแต่ละขั้นตอนของเครื่องขยายเสียง เพื่อให้มั่นใจถึงความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ แหล่งจ่ายไฟแรงดันสูงยังมีวงจรหน่วงเวลา (Time Delay Circuit) เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนไฟฟ้าช็อตระหว่างการเปิด/ปิดเครื่อง และสภาวะไม่มีโหลดของแหล่งจ่ายไฟแรงดันสูง นอกจากนี้ แหล่งจ่ายไฟแรงดันสูงยังถูกตัด (Cut Off) แม้ว่ากระแสไฟฟ้าผิดปกติจะไหลไปยังแหล่งจ่ายไฟ B แต่ละแหล่งจ่ายไฟของระบบเครื่องขยายเสียงก็ตาม
Specification
| Type | Tube Type Monaural Power Amplifier |
| Output | 50W (8 Ω) |
| Frequency Characteristic | 20 Hz to 20 kHz |
| Total Harmonic Distortion Factor | 5% |
| Clipping Point | 75W (8 Ω) |
| Input Sensitivity / Impedance | 0.75V/1k Ω (Balanced) |
| Signal-to-noise Ratio | 90 dB (A Network) |
| Parts Used | Vacuum Tube : Transformer : 300B×4 845×4 5U4G×1 LS-10X LS-25 LS-56 LS-6L4 |
| Power Consumption | 560W |
| External Dimensions | Width 556×Height 396×Depth 495 mm |
| Weight | 65 kg |
| Attachment | Birdcage Type Bonnet |
| Remarks | Balance Input HOT : Pin 3 |
____________________
